‘ฝ่ายค้าน’ ตั้งโต๊ะแถลงการณ์ ยืนยันมติไม่เข้าร่วม กก.สมานฉันท์ อัด รบ.ไม่จริงใจ

‘ฝ่ายค้าน’ ตั้งโต๊ะแถลงการณ์ ยืนยันมติ ไม่เข้าร่วมวง กก.สมานฉันท์ อัด รบ.ไม่จริงใจ และไม่เคยสร้างบรรยากาศของความสมานฉันท์ให้เกิดขึ้นจริง

เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 22 ธันวาคม ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) แกนนำพรรคร่วมฝ่ายค้านทั้ง 6 พรรคได้ร่วมประชุมเพื่อพิจารณาทบทวนมติพรรคร่วมฝ่ายค้าน กรณีการไม่เข้าร่วมเป็นคณะกรรมการสมานฉันท์

โดยนายสมพงษ์ อมรวิวัตน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) และผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า พรรคร่วมฝ่ายค้านขอยืนยันว่า จะไม่เข้าร่วม กก.สมานฉันท์ จนกว่ารัฐบาล คู่ขัดแย้งทั้ง 2 ฝ่ายจะเข้าร่วม และรัฐบาลต้องแสดงให้เห็นถึงความจริงใจในการสร้างบรรยากาศแห่งความปรองดอง ด้วยการยุติการคุกคาม ยุติการจับกุม คุมขัง ผู้เห็นต่าง ยกเลิกการตั้งข้อหากับผู้ชุมนุม อย่างขาดหลักแห่งความยุติธรรม

นายสมพงษ์กล่าวว่า แนวทางแก้ไขวิกฤตครั้งนี้ที่เหมาะสมที่สุดคือ การแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตย ซึ่งถือเป็นกุญแจดอกสำคัญของการแก้ไขปัญหา รัฐบาลต้องทำให้สังคมยอมรับว่ามีความตั้งใจและจริงใจที่จะสร้างความเป็นประชาธิปไตยให้เกิดขึ้นอย่างแท้จริง เพราะความเป็นประชาธิปไตยคือกลไกสำคัญที่ทุกฝ่ายจะยอมรับ และสร้างให้เกิดความเชื่อมั่น และคือหนทางสำคัญในการคลี่คลายทุกปัญหาของสังคมไทย ทั้งนี้ รัฐบาลควรแสดงความจริงใจโดยเร่งหาวิธีแก้ไขรัฐธรรมนูญ ในประเด็นอำนาจของ ส.ว.ในการเลือกนายกฯ ซึ่งเป็นประเด็นที่เป็นปัญหาให้มีผลบังคับใช้โดยเร็วที่สุด เพื่อคลี่คลายสถานการณ์ และยอมรับให้เกิดกระบวนการเลือก ส.ส.ร.ที่มาจากการเลือกตั้งโดยประชาชนทั้งหมด เพื่อพิสูจน์ให้ประชาชนเชื่อใจว่า พวกตนไม่ต้องการสืบทอดอำนาจ และต้องการถอยออกจากอำนาจอย่างแท้จริง เพื่อให้ประชาชนได้ตัดสินใจกำหนดกฎกติกาให้เป็นประชาธิปไตย เพื่ออนาคตด้วยมือของประชาชนเอง

ADVERTISMENT

ด้านนายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล (ก.ก.) กล่าวว่า ภายใต้สถานการณ์ปัจจุบัน เราต้องระลึกว่า ไม่มีความยุติธรรม ไม่มีความสมานฉันท์ เราเห็นด้วยกับการที่ต้องมีการสมานฉันท์ แต่ปัญหาความขัดแย้งที่เกิดขึ้นเกิดจาก 1 การรัฐประหารโดย พล.อ.ประยุทธ์ 2.ระบอบการเมืองที่เกิดจากการรัฐประหารทำให้การเมืองถอยห่างออกจากความเป็นประชาธิปไตย 3.การใช้ไอโอสร้างความเกลียดชังให้เกิดขึ้นในสังคม 4.การใช้อำนาจทั้งผ่านกระบวนการทางกฎหมาย และนอกกฎหมาย เพื่อกด และปราบปรามประชาชน ทำให้การสมานฉันท์ไม่เกิด และไม่มีความจำเป็นที่จะต้องตั้งคณะกรรมการสมานฉันท์ตราบใดที่ยังมีสิ่งเหล่านี้ ทั้งนี้ เราเคยมีคณะกรรมการสมานฉันท์ชุดต่างๆ ที่เคยสรุปแนวทางแก้ปัญหาข้อสรุปหนึ่ง คือการให้แก้มาตรา 112 วันนี้เราไม่เห็นหนทางแห่งการสมานฉันท์โดยที่รัฐบาลเปิดโอกาสให้ใช้กฎหมายมาตรานี้มาดำเนินการกับประชาชน พรรคก.ก.มองว่าจะปรองดองกันได้ต้องแก้ที่ต้นเหตุ คือ ต้องยุติการดำเนินคดีกับประชาชนในปัจจุบัน และต้องช่วยการสร้างระบอบการเมืองใหม่ผ่านรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่มาจากประชาชน ผ่าน ส.ส.ร.ที่มาจากประชาชน และต้องร่วมกันไม่สนับสนุนระบอบที่มาจากเผด็จการ

นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ (ปช.) กล่าวว่า ต้นเหตุของปัญหาความแตกแยกคือประเทศไม่เป็นประชาธิปไตย และอำนาจไม่ได้มาจากประชาชน ดังนั้น รัฐบาลต้องแสดงความจริงใจ โดยเฉพาะการแก้รัฐธรรมนูญ ทุกส่วนไม่ว่าจะเป็น ส.ส.ฝ่ายรัฐบาล ส.ว. และฝ่ายค้าน ต้องแสดงให้เห็นว่ารัฐธรรมนูญที่จะเกิดขึ้นต้องแก้ไขความบกพร่องที่มีอยู่ในปัจจุบันนี้ได้ เช่น เรื่องอำนาจประชาชน อำนาจ ส.ว. ฯลฯ แบบนี้ถึงจะแก้ไขปัญหาบ้านเมืองได้ ไม่ใช่แก้ในขณะที่บ้านเมืองยังไม่เป็นประชาธิปไตย และยังเป็นเผด็จการอยู่

นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ หัวหน้าพรรคเพื่อชาติ (พช.) กล่าวว่า พวกเราฝ่ายค้านให้ความเคารพประธานสภา แต่รัฐบาลไม่มีความจริงใจเลยจริงๆ ตัวบุคลากรที่ทางรัฐบาลส่งเข้ามาเป็นคณะกรรมการ จะเข้ามาเพื่อปรองดองหรืออะไร ทั้งนี้ การจะเข้ามาสร้างความปรองดองต้องเอาคนที่จริงใจเข้ามาสร้าง ไม่ใช่เอาคนที่จะเข้ามาสร้างความขัดแย้งเพิ่มขึ้นเข้ามา เรื่องเหล่านี้รัฐบาลทำได้ ถ้ารัฐบาลมีความจริงใจจริงๆ

ขณะที่นายนิคม บุญวิเศษ หัวหน้าพรรคพลังปวงชนไทย กล่าวว่า การสร้างความปรองดองสมานฉันท์สามารถสร้างได้ แต่จะสร้างได้จริงหรือไม่ เมื่อคณะกรรมการไม่มีอำนาจใดไปทำให้เกิดความปรองดองได้ ต้นเหตุของความขัดแย้งสะสมกันมานาน คนไทยก็ทดทน จนมาถึงมีการเลือกตั้ง ประชาชนก็พยายามเลือกคนใหม่เข้ามาบริหารบ้านเมือง แต่ก็ได้คนเก่าอีก กระบวนการยุติธรรมก็เป็นที่กังขา จึงเกิดความไม่เป็นธรรมในใจของทุกคน อย่างไรก็ตาม ประชาชน และฝ่ายค้านพร้อมที่จะปรองดองอยู่แล้ว แต่รัฐบาลต่างหากที่ยังไม่ทำ ดังนั้น การสร้างความปรองดองต้องเริ่มจากผู้มีอำนาจ ท่านต้องทำให้เห็นก่อน อย่างคณะกรรมการ นายกฯก็ควรเป็นตัวแทนของรัฐบาลมาร่วม แต่นี่แม้แต่จะพูดถึงเรื่อความปรองดองท่านยังไม่พูดถึงเลย แต่กลับส่งคนที่ประชาชนเห็นชื่อแล้วร้องยี้เข้ามา ตนจึงเห็นว่าการตั้งคณะกรรมการเป็นเพียงการยื้อเวลาในการอยู่ในอำนาจของรัฐบาลเท่านั้น

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image