ปภ. ประสาน 13 จังหวัดภาคใต้ -ประจวบคีรีขันธ์ เตรียมพร้อมรับมือน้ำท่วมฉับพลัน

ปภ. ประสาน 13 จังหวัดภาคใต้ -ประจวบคีรีขันธ์ เตรียมพร้อมรับมือน้ำท่วมฉับพลัน

เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 24 ธันวาคม กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) รายงานสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลัน น้ำไหลหลาก ดินสไลด์ และวาตภัย ในพื้นที่ภาคใต้ 3 จังหวัด ได้แก่ นราธิวาส ปัตตานี และยะลา ซึ่ง ปภ. ได้ร่วมกับหน่วยทหาร จังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยและคลี่คลายสถานการณ์ โดยเร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่น้ำท่วมและสำรวจความเสียหายครอบคลุมทุกด้าน เพื่อให้การช่วยเหลือตามระเบียบกระทรวงการคลังฯ

กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ในฐานะกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก.) รายงานอิทธิพลมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยมีกำลังแรง ทำให้ภาคใต้ตอนล่างมีฝนตกหนักบางแห่ง ทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำไหลหลาก ดินสไลด์ และวาตภัย ตั้งแต่วันที่ 16 ธันวาคม 2563 จนถึงปัจจุบัน (24 ธันวาคม 2563 เวลา 06.00 น.) รวม 3 จังหวัด ได้แก่ นราธิวาส ปัตตานี และยะลา รวม 28 อำเภอ 165 ตำบล 813 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 42,977 ครัวเรือน ผู้เสียชีวิต 3 ราย (ยะลา 1 ราย นราธิวาส 2 ราย) จุดอพยพ 4 จุด อพยพประชาชน 929 คน (นราธิวาส 2 จุด ยะลา 2 จุด)

โดยปัจจุบันยังคงมีพื้นที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมฉับพลันและน้ำไหลหลาก 3 จังหวัด รวม 18 อำเภอ 88 ตำบล 505 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 38,767 ครัวเรือน ดังนี้ นราธิวาส น้ำท่วมในพื้นที่ 13 อำเภอ ได้แก่ อำเภอแว้ง อำเภอศรีสาคร อำเภอระแงะ อำเภอเจาะไอร้อง อำเภอสุไหงปาดี อำเภอบาเจาะ อำเภอจะแนะ อำเภอสุคิริน อำเภอสุไหงโก-ลก อำเภอเมืองนราธิวาส อำเภอยี่งอ อำเภอรือเสาะ และอำเภอตากใบ รวม 73 ตำบล 447 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 29,716 ครัวเรือน ปัตตานี น้ำท่วมในพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองปัตตานี อำเภอไม้แก่น และอำเภอหนองจิก รวม 11 ตำบล 33 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 2,302 ครัวเรือน ยะลา น้ำท่วมในพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองยะลา และอำเภอรามัน รวม 4 ตำบล 25 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 6,749 ครัวเรือน

ภาพรวมสถานการณ์น้ำท่วมระดับน้ำลดลงทุกจังหวัด พื้นที่ได้รับผลกระทบจากดินสไลด์ 1 จังหวัด ได้แก่ ยะลา ดินสไลด์ปิดทับบ้านเรือนประชาชนในอำเภอเบตง มีผู้เสียชีวิต 1 ราย ซึ่ง ปภ.ได้ร่วมกับจังหวัด องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งช่วยเหลือผู้ประสบภัย อย่างเร่งด่วน โดยระดมเครื่องจักรกล เครื่องสูบน้ำ เข้าพื้นที่เพื่อเร่งระบายน้ำ และให้การดูแลประชาชนที่ได้รับผลกระทบในเบื้องต้นแล้ว พร้อมทั้งประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยให้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดย ปภ.ได้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งสำรวจพื้นที่ และประเมินความเสียหาย เพื่อให้ความช่วยเหลือตามระเบียบต่อไป ทั้งนี้ ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์ภัย สามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้ทางสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง ประสานให้การช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป

Advertisement

ขณะที่ กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก.) โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) แจ้งเตือนจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และ 13 จังหวัดภาคใต้ ได้แก่ ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา นราธิวาส กระบี่ ตรัง และสตูล เตรียมพร้อมรับมือฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่เฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำล้นตลิ่ง และคลื่นลมแรง ในช่วงวันที่ 24 – 26 ธันวาคม 2563 โดยจัดเจ้าหน้าที่ติดตามสภาพอากาศและสถานการณ์ภัยอย่างใกล้ชิดพร้อมจัดชุดเคลื่อนที่เร็วเครื่องมืออุปกรณ์ประจำพื้นที่เสี่ยงให้พร้อมปฏิบัติการเผชิญเหตุและช่วยเหลือผู้ประสบภัยรวมถึงแจ้งเตือนประชาชนติดตามพยากรณ์อากาศ และปฏิบัติตามประกาศเตือนภัยอย่างเคร่งครัด

นายบุญธรรม เลิศสุขีเกษมอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ในฐานะผู้อำนวยการกลาง กล่าวว่า กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก.) ได้ติดตามสภาพอากาศและพิจารณาปัจจัยเสี่ยง ประกอบกับกรมอุตุนิยมวิทยาได้มีประกาศฉบับที่ 4 (324/2563) ลงวันที่ 23 ธันวาคม 2563 เวลา 17.00 น. แจ้งว่า หย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงบริเวณทะเลจีนใต้ตอนล่าง คาดว่า จะเคลื่อนเข้าปกคลุมบริเวณอ่าวไทยและภาคใต้ในวันที่ 24 ธันวาคม 2563 ประกอบกับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ ที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้มีกำลังแรง ทำให้ภาคใต้มีฝนตกเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักถึงหนักบางพื้นที่ สำหรับคลื่นลมบริเวณอ่าวไทย มีกำลังแรงมีคลื่นสูง 2 – 3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก.) โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) จึงได้ประสาน 13 จังหวัดภาคใต้ และประจวบคีรีขันธ์ เตรียมพร้อมรับมือ น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลากน้ำล้นตลิ่ง และคลื่นลมแรง ในช่วงวันที่ 24 – 26 ธันวาคม 2563 ดังนี้

Advertisement

พื้นที่เฝ้าระวังสถานการณ์ น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง 14 จังหวัด แยกเป็น

ภาคกลาง 1 จังหวัด ได้แก่ ประจวบคีรีขันธ์ (อำเภอบางสะพาน อำเภอทับสะแก อำเภอบางสะพานน้อย)

ภาคใต้ 13 จังหวัด ได้แก่ ชุมพร (อำเภอเมืองชุมพร อำเภอหลังสวน อำเภอละแม อำเภอพะโต๊ะ อำเภอสวี และอำเภอทุ่งตะโก)

สุราษฎร์ธานี (อำเภอเมืองสุราษฎร์ธานี อำเภอกาญจนดิษฐ์ อำเภอดอนสัก อำเภอไชยา อำเภอ คีรีรัฐนิคม อำเภอท่าฉาง อำเภอบ้านนาสาร อำเภอบ้านนาเดิม อำเภอเคียนซา อำเภอเวียงสระ อำเภอพระแสง อำเภอพุนพิน อำเภอชัยบุรี และอำเภอวิภาวดี)
นครศรีธรรมราช (อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช อำเภอพรหมคีรี อำเภอลานสกา อำเภอฉวาง อำเภอพิปูน อำเภอเชียรใหญ่อำเภอชะอวด อำเภอท่าศาลา อำเภอทุ่งสง อำเภอนาบอน อำเภอทุ่งใหญ่อำเภอปากพนัง อำเภอร่อนพิบูลย์อำเภอสิชล อำเภอขนอม อำเภอหัวไทร อำเภอบางขันอำเภอถ้ำพรรณรา อำเภอจุฬาภรณ์ อำเภอพระพรหม อำเภอนบพิตำ อำเภอช้างกลาง และอำเภอ เฉลิมพระเกียรติ)
พัทลุง (อำเภอเมืองพัทลุง อำเภอกงหราอำเภอเขาชัยสน อำเภอตะโหมด อำเภอควนขนุน อำเภอปากพะยูนอำเภอศรีบรรพต อำเภอป่าบอน อำเภอบางแก้ว อำเภอป่าพะยอม และอำเภอศรีนครินทร์)
สงขลา (อำเภอเมืองสงขลา อำเภอสทิงพระ อำเภอจะนะ อำเภอระโนด อำเภอกระแสสินธุ์ อำเภอรัตภูมิอำเภอสะเดา อำเภอหาดใหญ่ อำเภอนาหม่อม อำเภอควนเนียง อำเภอบางกล่ำ อำเภอสิงหนคร และอำเภอคลองหอยโข่ง)
ปัตตานี (อำเภอเมืองปัตตานี อำเภอโคกโพธิ์ อำเภอหนองจิก อำเภอมายอ อำเภอทุ่งยางแดงและอำเภอแม่ลาน)
ยะลา (อำเภอเมืองยะลา อำเภอบันนังสตา อำเภอยะหา และอำเภอเบตง)
นราธิวาส (อำเภอตากใบ อำเภอบาเจาะ อำเภอระแงะ อำเภอศรีสาคร อำเภอแว้งอำเภอสุไหงโก-ลก อำเภอสุไหงปาดี อำเภอจะแนะ และอำเภอเจาะไอร้อง)
ระนอง (อำเภอเมืองระนอง อำเภอกระบุรี อำเภอกะเปอร์) พังงา (อำเภอเมืองพังงา อำเภอคุระบุรี อำเภอกะปง อำเภอตะกั่วทุ่ง อำเภอตะกั่วป่า และอำเภอท้ายเหมือง)
กระบี่ (อำเภอเขาพนม และอำเภอลำทับ) ตรัง (อำเภอเมืองตรัง อำเภอกันตัง อำเภอห้วยยอด อำเภอวังวิเศษ อำเภอนาโยง อำเภอรัษฎา และอำเภอหาดสำราญ)
สตูล (อำเภอละงู และอำเภอมะนัง)

พื้นที่เฝ้าระวังสถานการณ์คลื่นลมแรง 6 จังหวัด

ได้แก่ ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช สงขลา ปัตตานี และนราธิวาส รวมถึงสั่งการศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขตในพื้นที่เสี่ยงภัยเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ภัยในช่วงดังกล่าวโดยจัดเจ้าหน้าที่ติดตามสภาพอากาศ ปริมาณฝนพร้อมวิเคราะห์ปัจจัยเสี่ยงและแนวโน้มสถานการณ์ภัยต่อเนื่องตลอด 24ชั่วโมงโดยเฉพาะพื้นที่ลุ่มต่ำ พื้นที่ชุมชนเมือง พื้นที่ริมแม่น้ำลำคลอง ที่ลาดเชิงเขาและพื้นที่บริเวณชายฝั่งทะเล อีกทั้งจัดชุดเผชิญสถานการณ์วิกฤต (ERT)รถปฏิบัติการและเครื่องจักรกลสาธารณภัยให้พร้อมเผชิญเหตุและช่วยเหลือผู้ประสบภัยทันทีตลอดจนประสานหน่วยงานในพื้นที่ อำเภอ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสร้างการรับรู้และแจ้งเตือน

ประชาชนให้ทราบสถานการณ์ภัยแนวทางการปฏิบัติตน และการอพยพไปยังจุดปลอดภัยผ่านทุกช่องทางรวมถึงเน้นย้ำให้ดูแลและประชาชนที่ได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะด้านการดำรงชีพในเบื้องต้น เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนทั้งนี้ ขอให้ประชาชน ในพื้นที่เสี่ยงภัยติดตามพยากรณ์อากาศและสถานการณ์ภัยอย่างใกล้ชิด ปฏิบัติตามประกาศเตือนภัยอย่างเคร่งครัดเพื่อพร้อมรับมือสถานการณ์ภัยที่อาจเกิดขึ้นสำหรับประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์ภัยสามารถติดต่อได้ทางสายด่วนนิรภัย1784 ตลอด 24 ชั่วโมง

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image