บิ๊กตู่วอนปชช.ล็อกดาวน์ตัวเอง ขอ15วัน ประเมินระยะปลอดภัย โบ้ยสื่อ ไม่ช่วยพูดให้คนใส่หน้ากาก

“บิ๊กตู่”ยันยังไม่ล็อกดาวน์ขอประเมินก่อน วอนปชช.ล็อกดาวน์ตัวเอง บอกใครจะพูดก็พูดได้แต่ต้องดูคนทั้งประเทศ ด้วย ขอพรปีใหม่เป็นปีแห่งความสำเร็จแก้ปัญหาได้ ย้ำไทยได้วัคซีนล็อตแรก 1-2 เดือนนี้ 2 ล้านโดส จับตาที่ประชุมศบค.! ยกระดับมาตรการสกัด โควิด-19

เมื่อเวลา 10.40 น. วันที่ 4 ม.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม สักการะพระภูมิเจ้าที่ศาลตาศาลยาย และสักการะท้าวมหาพรหมบน ดาดฟ้าตึกไทยคู่ฟ้า สิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำทำเนียบรัฐบาล เนื่องในวันขึ้นปีใหม่ ก่อนกล่าวว่า วันนี้ถือเป็นวันทำงานวันแรก ที่ผ่านมาตนทำงานทุกวันอยู่แล้ว รวมทั้งหารือร่วมกับศบค.มาโดยตลอดทั้งเรื่องสถานการณ์และการกำหนดมาตรการอะไรออกมา ซึ่งแน่นอนทุกอย่างต้องมีความเดือดร้อนกันอยู่บ้าง แต่เราต้องช่วยกันไม่ใช่รัฐบาลทำเพียงอย่างเดียว เพราะออกมาตรการอะไรไปแล้วเจ้าหน้าที่ทำงานก็ไม่สำเร็จ ถ้าไม่ร่วมมือกันจากทุกฝ่าย ดังนั้นต้องหาทางออกร่วมกันว่าจะทำอย่างไร ซึ่งปัญหาเหล่านี้เกิดขึ้นมาตลอดเวลาทุกเรื่องไม่ใช่แค่โควิด-19 แต่ละเรื่องที่ควรจะแก้ได้ก็แก้ไม่ได้ เพราะมีคนจำนวนมาก ถ้าพูดก็พูดได้แต่ถ้าต้องทำก็ต้องดูคนไทยจำนวนเท่าไร 70 ล้านคน แต่ก็ไม่ยากถ้าเราร่วมมือกัน

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตามในช่วงเทศกาลปีใหม่ที่ผ่านมาทุกคนคงมีความสุขตามสมควร ได้อยู่กับครอบครัว หลายคนก็มีโอกาสได้ไปเที่ยว แต่ขอให้ระมัดระวังอย่างที่สุด เพราะไม่ว่าจะมาตรการอะไรก็ตามถ้าไม่ทำตามทุกอย่างก็คือปัญหา ทั้งเจ้าหน้าที่และประชาชน ทั้งนี้ตนได้กำหนดแนวทางไว้แล้วในการจัดหาเรื่องวัคซีนอะไรต่างๆ จึงคาดว่า 1-2 เดือนนี้ จะได้ในส่วนแรกมาก่อนเพื่อใช้ในทางการแพทย์ ประมาณ 2 ล้านโดส ส่วนที่เหลือก็ต้องรอจากอีกที่หนึ่งจำนวน 26 ล้านโดส

“4 วันที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ของเราไม่ได้หยุดทำงานมาโดยตลอด จึงต้องให้กำลังใจศบค. และคนทำงานเขารวมถึงพื้นที่ผู้ว่าราชการจังหวัด เพราะทุกคนก็ทำงานอย่างเต็มที่ผมก็ทราบดีแต่อย่างไรก็ตามคนหมู่มาก เพราะเจ้าหน้าที่ยังไงก็ไม่เพียงพอที่จะไปเฝ้าตรวจทุกคน ดังนั้นทุกคนก็ต้องรักครอบครัวตัวเอง รักคนอื่น รักสังคมด้วย อย่าทำอะไรที่เป็นความเสี่ยง ซึ่งหลายๆ อย่างที่เกิดขึ้นมาแล้วเราก็ต้องแก้ปัญหาพร้อมแก้ไม่ให้เกิดขึ้นอีก ก็อยากจะให้กำลังใจซึ่งกันและกันในปีใหม่ปีนี้ ผมขอให้ปีนี้เป็นปีแห่งความสำเร็จในการแก้ปัญหาทุกปัญหา ผมไม่นิ่งนอนใจทุกเรื่องบางเรื่องผมไม่พูดแต่ผมทำและรอผลการปฏิบัติออกมา เพราะถ้าพูดก็จะเป็นเรื่องใหญ่เรื่องมากหลายๆ อย่างก็จะเกิดกระแสต่อต้านก่อน”นายกฯ กล่าว

Advertisement

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ในเรื่องเศรษฐกิจ ทุกคนก็ทราบดีอยู่แล้วว่าต้องลดลงแน่นอน แต่รัฐบาลจะหามาตรการที่เหมาะสมว่าจะดูแลอย่างไร ซึ่งวันนี้เป็นห่วง 28 จังหวัดที่มีการแพร่ระบาดจำนวนมาก แต่ถ้าเราควบคุมได้และทุกคนอยู่ภายในจังหวัดตนเองไม่ไปไหนเลย ก็จะสามารถแก้ได้ แต่ถ้ายังเดินทางไปมาก็ไม่ได้ จึงได้ประสานให้ผู้ว่าฯ ควบคุมเข้มข้น อย่างไรก็ตามสำหรับกรณีของผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร ตนมีความเป็นห่วงและขอให้กำลังใจให้ท่านและภรรยาหายโดยเร็ว นอกจากนี้ในจังหวัดที่ใกล้เคียงก็พบว่ามีจำนวนผู้ติดเชื้อสูงขึ้น เราถึงต้องกลับมาดูว่าจะมีวินัยกันอย่างไร โดยที่ไม่ต้องให้เจ้าหน้าที่ไปกวดจับกุมอะไรต่างๆ หรือควบคุมมากนัก จึงต้องควบคุมตัวเองให้ได้ก่อนถึงจะดีที่สุด ซึ่งยืนยันว่ารัฐบาลรับผิดชอบอยู่แล้วในทุกเรื่องรับผิดชอบว่าจะแก้ปัญหาอย่างไรนั่นคือหน้าที่ของรัฐบาล

เมื่อถามว่าขณะนี้พบว่า มีการแพร่ระบาดมาจากบ่อนการพนันจำนวนมาก พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ต้องมีการดำเนินการต่อ ตนจะจัดการเอง ส่วนในเรื่องการย้ายเจ้าหน้าที่ก็เป็นเรื่องธรรมดาในเมื่อปล่อยให้มีอยู่ แต่เราก็ต้องหามาตรการอื่นควบคู่ไปด้วยว่าจะทำอย่างไร ซึ่งทุกคนทราบดีว่าวันนี้เมื่อเราเข้มงวดก็ไม่เจอ

Advertisement

เมื่อถามว่าหากหลังจากนี้ยอดผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น นายกฯประกาศล็อกดาวน์หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “ถ้ามันขึ้นก็ว่ากันอีกที”

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงกรณีพบผู้ติดเชื้อโควิดกลายพันธุ์จากอังกฤษว่า สำหรับเชื้อพันธุ์ใหม่ตนก็ฟังมาแล้วทางการแพทย์และฟังจากสถานีโทรทัศน์ต่างประเทศ ก็บอกว่าจริงๆก็คือเชื้อโควิดเหมือนเดิม แต่ที่บอกว่ากลายพันธุ์ใหม่คือสู้กับสิ่งแวดล้อมได้มากขึ้นและติดเชื้อได้ง่ายกว่าเดิม

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงแนวทางการพักชำระหนี้หลังผู้ประกอบการหลายคนเรียกร้องมา ว่า กำลังคิดอยู่ แต่ของเก่าก็ยังไม่จบ ดังนั้นก็ต้องดู หากจำเป็นต้องทำต่อก็ทำให้ ขณะเดียวกันก็ต้องมีวิธีการหาเงินมาใช้ด้วย ถ้าบอกว่าต้องช่วยๆ แต่หาเงินไม่ได้เลยก็จบหมด

เมื่อถามว่าหลังจากปีใหม่ต้องใช้ระยะเวลากี่วันถึงจะประเมินสถานการณ์ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “ประเมินทุกวันและจะดู 14-15 วัน เพราะเป็นระยะปลอดภัย ซึ่งถ้าทุกคนรู้ว่ามีความเสี่ยงอยู่ก็ขอให้อยู่บ้าน 14-15 วัน work from home และอย่างอื่นก็ปิดหมด ซึ่งเราก็ไม่อยากล็อกดาวน์ทั้งประเทศ เพราะท่านก็รู้ว่าปัญหามันคืออะไรดังนั้นท่านล็อกดาวน์ตัวเองให้ได้บ้างไหม มันอยู่ที่ทุกคน ถ้าเราไม่อยากไปติดเชื้อเราก็ไม่ต้องไปไหนอยู่บ้าน 14-15 วันถ้าทุกคนคิดแบบนี้เราก็ปลอดภัย มันก็จะคัดกรองคนได้ง่ายขึ้น แต่ถ้ายังไปมาหาสู่กันทั้งหมดก็ตรวจสอบคนทั้ง 70 ล้านคนไม่ไหว”

เมื่อถามว่าหากไม่มีคำสั่งทางการ การให้ประชาชนล็อกดาวน์ตัวเองคงเป็นเรื่องยาก นายกฯ กล่าวด้วยอารมณ์ฉุนเฉียวว่า “แล้วคุณจะให้ทำยังไง ถ้าคุณบอกว่าประชาชนล็อกดาวน์ตัวเองเป็นเรื่องยาก เอาแค่ใส่หน้ากากคุณทำได้หรือเปล่า คุณก็ต้องพูดให้เขาใส่สิ ไม่ใช่มาถามผม แต่ต้องบอกให้เขาใส่หน้ากากด้วย ผมไม่เห็นสื่ออันไหนเขียนเลย”

อย่างไรก็ตามในเวลา 14.30 น. วันเดียวกันนี้ นายกฯ ในฐานะผอ.ศบค. เป็นประธานการประชุม ศบค.ชุดใหญ่ เพื่อประเมินสถานการณ์การแพร่ระบาดระลอกใหม่ ที่มีผู้ติดเชื้อจำนวนมาก โดยเฉพาะจากการแพร่ระบาดในประเทศ และจากแรงงานข้ามชาติ ที่แต่ละวันมักจะมียอดติดเชื้อเป็น New High สูงสุดมากกว่าการระบาดในระลอกแรก จึงจะต้องจับตาว่า ในการประชุม ศบค. ในวันนี้ จะมีการยกระดับมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดโควิด-19 เพิ่มขึ้นจากเดิมอีกหรือไม่ หลังนายกรัฐมนตรี ลงนามประกาศให้ 28 จังหวัด เป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุด พร้อมประกาศ 8 มาตรการ ที่มีผลใช้บังคับวันนี้ ตั้งแต่ 06.00 น. ที่ผ่านมา และวานนี้ (3 ม.ค.) จังหวัดสมุทรสาครพบผู้ติดเชื้อวันเดียวถึง 541 คน และประชาชนที่เดินทางกลับจากภูมิลำเนา หลังพ้นวันหยุดเทศกาลปีใหม่

นอกจากนี้ ที่ประชุมยังจะมีการพิจารณาเสนอขยายเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินทั่วราชอาณาจักรเป็นครั้งที่ 9 ในสัปดาห์นี้หรือไม่ ซึ่งเดิมจะครบกำหนดในวันที่ 15 มกราคมนี้ออกไปอีกเป็นระยะเวลา 1 เดือน เพื่อเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี พิจารณาให้ความเห็นชอบในวันพรุ่งนี้ (5 ม.ค.)

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image