มีความเด่นชัดมากยิ่งขึ้นเป็นลำดับว่าสถานการณ์ “ระเบิด” ล่าสุดในภาคใต้
มิได้ดำเนินไปในแบบ “หมาป่าโดดเดี่ยว”
นั่นก็คือ ไม่ใช่ถอดพิมพ์เขียวมาจาก เจสัน บอร์น แห่งเทรด สโตน
หรือ”เกรย์แมน”แห่ง”เซียร์ร่า”
เพราะจากการตรวจสอบภาพจากซีซีทีวีย้อนหลังเฉพาะที่บริเวณตลาดบางเนียนก็ไม่น่าจะต่ำกว่า 10 คน
กลุ่มที่ 1 ไปดูสถานที่ล่วงหน้า 1 สัปดาห์
กลุ่มที่ 2 ประมาณ 3 คนปะปนเข้าไปกับนักท่องเที่ยวในวันที่ 10 สิงหาคม วางระเบิดและตั้งเวลา
เมื่อระเบิดทำงานในวันที่ 12 สิงหาคม ในช่วงชุลมุนกลุ่มที่ 3 ไม่น้อยกว่า 3 คนฉวยโอกาสเข้ไปวางระเบิดสังหาร
เฉพาะที่พังงาก็ไม่ต่ำกว่า 10 คน
หากถือตามบรรทัดฐานการวิเคราะห์จากความจัดเจนโดย”ผู้เชี่ยวชาญ” อย่างน้อย 2 แหล่ง
1 จากศรภ.เห็นว่าไม่น่าจะต่ำกว่า 20
1 จากนักวิเคราะห์ของสถาบันไอเอสเอส-เจนส์เห็นว่าไม่น่าจะต่ำกว่า 30
เมื่อตรวจสอบผ่านข้อมูล”พังงา”อาจคลาดเคลื่อน
เฉพาะที่พังงาก็ไม่ต่ำกว่า 10 หากคำนวนจากพื้นที่ 7 จังหวัด 17 จุดก็ไม่น่าจะต่ำกว่า 70
อาจเป็น 70-100 ด้วยซ้ำไป
ที่บทสรุปของเจ้าหน้าที่ตำรวจออกมาว่าทำอย่างเป็น”ขบวนการ” จึงถูกต้อง
เพียงแต่ว่าเป็น”ขบวนการ”อะไรเท่านั้น
กระบวนการสืบสวนสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจเริ่มแสดงเบาะแสออกมาอย่างแน่ชัดเป็นลำดับ
ถนนทุกสายมุ่งไปยัง 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
ไม่เพียงเพราะว่าหลักฐานอันมาจากโทรศัพท์มือถือยี่ห้อซัมซุงฮีโร่ซึ่งมีขายเฉพาะ”มาเลเซีย”เท่านั้น
หากการอ่าน”ลายเซ็น”จาก”ดีเอ็นเอ”ก็ชี้ไปทางนั้น
การตรวจสอบวัตถุพยานจากบริเวณร้านหน้าธนาคาร ต.ป่าตอง อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต
ปรากฏว่าตรงกับของ “นายอาหะมะ”
นายอาหะมะทิ้ง”หลักฐาน”ไว้ตั้งแต่เมื่อก่อเหตุในการประท้วง อ.ตากใบ จ.นราธิวาส เมื่อเดือนตุลาคม 2547 และเมื่อเข้ามอบตัวในปี 2553
บทสรุปจากตำรวจจึงแน่ชัดว่า ระเบิดที่นำมาก่อเหตุมาจากกลุ่มก่อความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้
คำถามก็คือ มาเป็น”ส่วนตัว” หรือเป็น”ขบวนการ”