เดินหน้าชน : ‘ต้องรอด’

ดูเหมือนการกลับมาระบาดใหม่ของเชื้อไวรัสโควิด-19 ครั้งนี้ สร้างผลกระทบรุนแรงกว่าเมื่อช่วงต้นปี 2563

เพราะจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว กระจายเป็นวงกว้างแทบทุกจังหวัดของประเทศไทย

ช่วงเวลาที่เกิดการระบาด เป็นช่วงเตรียมการจัดงานเฉลิมฉลองช่วงเทศกาลปีใหม่ ทำให้เกิดผลกระทบรุนแรงในแง่เศรษฐกิจ

แต่จากประสบการณ์การรับมือโควิด-19 เมื่อปีที่แล้ว เราได้เรียนรู้จุดอ่อนจุดแข็ง พัฒนาการของไวรัสตัวนี้มาบ้างแล้ว

Advertisement

เราได้รู้ว่าถ้าไม่ประมาท ไม่ประเมินไวรัสโควิดต่ำ ไม่เปิดช่องให้เกิดความเสี่ยง จริงๆ แล้วไวรัสก็ทำอะไรเราไม่ได้

มันไม่สามารถวิ่งมาหาเราเองได้ แต่ต้องมีสิ่งกระตุ้นให้มันออกมา แล้วเราไปรับมันมาเข้าตัว แต่ด้วยความที่มันก็เป็นสิ่งมีชีวิต กลัวตายเหมือนเรา มันก็พยายามกลายพันธุ์ขึ้นมาต่อสู้ เพื่อความอยู่รอดของตัวมันเอง

แต่เชื่อว่าจนถึงที่สุดแล้ว ไม่ว่าจะกลายพันธุ์ไปถึงขั้นไหน สุดท้ายก็ต้องพ่ายแพ้ต่อฝีมือและสติปัญญาของมนุษย์อย่างแน่นอน

Advertisement

แต่กว่าจะถึงจุดนั้น ระหว่างรอวัคซีนกำลังจะมา หากเราการ์ดไม่ตก เข้มแข็งในการปฏิบัติตามมาตรการต่างๆ เข้าไว้ อยู่กับมันให้ได้

เชื่อว่าเมื่อถึงตอนนั้นทุกคน “ต้องรอด” เพราะบรรดาผู้ผลิตวัคซีนคงกำลังเร่งพัฒนาวัคซีนกันแบบ วันยันค่ำ
คืนยันรุ่ง จะผลิตออกมามากและเร็วกว่าที่คาดการณ์

หากเราช่วยกันประคับประคองสถานการณ์ไม่ให้แย่ไปกว่านี้ ลดความเคยชินในความสะดวกสบายลงไปบ้าง

ยอมใส่หน้ากาก ล้างมือบ่อยๆ รักษาระยะห่าง ถ้าทำได้อย่างจริงจัง เชื่อว่าทุกคน “ต้องรอด”

แต่หากยังคงมีใครที่ปล่อยปละละเลย ไม่ใส่ใจว่าคนรอบข้างจะคิดยังไง ทำไมไม่ยอมสวมหน้ากาก

เพราะคิดตื้นๆ เพียงแค่ว่า ตนเองไม่เป็นอะไร เพราะไม่ได้ไปอยู่ในพื้นที่เสี่ยง ทั้งที่ก็ยังไม่เคยไปตรวจหาเชื้อ คิดไปเองทั้งนั้น

กลุ่มคนเหล่านี้เราอย่าไปโกรธ หรือใส่อารมณ์ หรือแสดงท่าทีไม่พอใจ เพราะจะยิ่งทำให้สถานการณ์เลวร้ายลงไปอีก

จะกลายเป็นปัญหา ไม่ป่วยจากโควิด แต่ป่วยทางจิตแทน

จะทำให้เกิดปัญหาการอยู่ร่วมกัน การใช้ชีวิตในสังคมที่กำลังต้องการความรักความสามัคคีและความร่วมมือกันขณะนี้ ยิ่งแย่ลงไปอีก

ถ้าเราเจอบุคคลเหล่านี้ ลองหาโอกาสและวิธีใหม่ในการอธิบายให้เห็นความสำคัญ เช่น พยายามหาโอกาสให้ข้อมูลเกี่ยวกับผู้ป่วยโควิด

อาจลองหาโอกาสยกตัวอย่าง กรณีนักร้องสาวชื่อดังติดโควิดพร้อมสามี ออกมาเปิดเผยว่าไม่สามารถร้องเพลงได้ดีเหมือนเมื่อก่อน

เพราะโควิดเข้าไปทำลายเนื้อปอด ทำให้ปอดไม่สามารถกลับมาใช้งานได้เหมือนเดิม หรืออย่างกรณีที่มีการส่งต่อข้อมูลในโลกออนไลน์ กรณีผู้ใช้ชื่อว่ารอดมาเล่า

เล่าเรื่องราวตั้งแต่เริ่มป่วย ต้องนอนทรมานบนเตียงคนไข้หนักหนาสาหัสขนาดไหน แม้ว่าจะรอดมาได้อย่างหวุดหวิดก็ตาม

หรืออย่างการโดนสายออกซิเจนแทงเข้าไปในระบบทางเดินหายใจหรือปอด เพื่อช่วยหายใจ เพราะไม่สามารถหายใจเองได้ มันเจ็บปวดทรมานแค่ไหน

ยังไม่นับรวมความเดือดร้อนของญาติพี่น้องเพื่อนฝูงของเรา อาจจะต้องถูกกักตัว ใช้ชีวิตอย่างไม่สงบสุข

รวมทั้งบุคลากรทางการแพทย์อีกมากมายต้องเสียสละทุ่มเทสรรพกำลังมาดูแลคนป่วยจำนวนมาก

หากเราช่วยกันคนละไม้คนละมือ เอาจริงเอาจังกับการปฏิบัติตามมาตรการต่างๆ ไม่ยากเย็นอะไรนักหนา

เราจะได้ไม่ต้องมาโดนกักตัว หรือล็อกดาวน์ เพราะมีผู้ติดเชื้อมาก จนระบบสาธารณสุขรับมือไม่ไหว เหมือนในหลายประเทศทั่วโลกขณะนี้

อดทนกันอีกสักพัก ตั้งหลักรับมือกับโควิดอีกสักนิด อดใจรออีกหน่อย วัคซีนกำลังจะมา

เมื่อถึงเวลานั้น ค่อยมาฉลองชัยกันอย่างเต็มที่ด้วยความสบายใจดีมั้ย

สุรพล สุประดิษฐ์ ณ อยุธยา

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image