09.00 INDEX โจทย์การเมือง ส่งตรงถึง เพื่อไทย ผ่านญัตติ อภิปราย “ไม่ไว้วางใจ”
การออกมาเยาะหยามประเด็นที่พรรคฝ่ายค้านร่วมจะชูปม “โควิด-19” มาเป็นเนื้อหาสำคัญในญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐบาลโดยคนของพรรคพลังประชารัฐ
ถือได้ว่าเป็นการเยาะหยามซึ่งจะกลายเป็นคำถามถามกลับไปยังพรรคร่วมฝ่ายค้านอย่างทรงความหมายยิ่ง
เนื่องจากพรรคพลังประชารัฐถือเป็น “จุดแข็ง” ของรัฐบาล
เป็นจุดแข็งอันทำให้รัฐบาลและ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้รับเสียงชื่นชม ไม่เพียงแต่ภายในประเทศหากแม้กระทั่งนานาชาติ ก็ยกย่องเป็นอย่างสูง
การเยาะหยามจากพรรคพลังประชารัฐจึงไม่เพียงแต่เป็นโจทย์ในทางการเมือง หากแต่ที่สำคัญยังเป็นการบ้านที่พรรคร่วมฝ่ายค้าน จะต้องสำแดงให้เป็นที่ปรากฏ
1 เป็นที่ปรากฏว่าพรรคร่วมฝ่ายค้านประเมินถูก 1 เป็นที่ปรากฏว่าพรรคพลังประชาชาติประเมินผิดพลาด
โจทย์นี้ท้าทายต่อศักยภาพ “ร่วม” ของพรรคร่วมฝ่ายค้าน
ถามว่าในพรรคร่วมฝ่ายค้านถือว่าพรรคการเมืองใดเป็นพรรคนำ คำ ตอบแจ่มชัดตั้งแต่ผลการเลือกตั้งเมื่อเดือนมีนาคม 2562 แล้วพรรคนำในกลุ่มฝ่ายค้านย่อมเป็นพรรคเพื่อไทย
หากมิได้เป็นพรรคนำ นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทยย่อมมิได้รับแต่งตั้งเป็น “ผู้นำฝ่ายค้าน”
คำถามก็คือ การดำเนินญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจที่ผ่านมาผลเป็นอย่างไร คำถามนี้มิได้หมายถึงจำนวนมือที่พรรคร่วมฝ่ายค้านมี หากเป็นคำถามถึงคุณภาพ
เด่นชัดอย่างยิ่งว่า การอภิปรายทั่วไปรอบล่าสุดพรรคเพื่อไทย ตกอยู่ในข้อครหา เพราะปรากฏว่าอย่างน้อยมี 2 ส.ส.จากพรรคเพื่อไทยอภิปรายอย่างชนิดน้ำท่วมทุ่ง
น้ำท่วมทุ่งกระทั่งส่งผลให้ไม่สามารถอภิปราย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ทั้งๆที่มีชื่ออยู่ในญัตติ
นี่ย่อมเป็นความรับผิดชอบโดยตรงของพรรคเพื่อไทย
จากนี้จึงเด่นชัดยิ่งว่า อาการหยามเยาะจากพรรคพลังประชารัฐมิได้เป็นเรื่องเลื่อนลอย ตรงกันข้าม มีรูปธรรมอย่างเด่นชัดและเป็นรูปธรรมอันมาจากพรรคเพื่อไทย
คำถามก็คือ พรรคเพื่อไทยในฐานะ “ผู้นำฝ่ายค้าน” จะปรับกระบวนของตนอย่างไรจึงจะหลุดพ้นไปจากอาการหยามเยาะนี้
นี่ย่อมเป็น “การบ้าน” ของพรรคเพื่อไทยโดยตรง
