ชายฉกรรจ์ขวาง กลุ่มไผ่ ดาวดิน-ฅนรักษ์บ้านเกิด ยื่นหนังสือจี้ ผบ.ตร.คุ้มครองนักสิทธิ ปมเหมืองทอง ‘ทุ่งคำ’

ชายฉกรรจ์ขวาง – กลุ่ม ‘ไผ่ ดาวดิน’ เคียงข้าง ‘ฅนรักษ์บ้านเกิด’ ยื่นหนังสือ จี้ ผบ.ตร.คุ้มครองนักสิทธิ ปมเหมืองทอง ‘ทุ่งคำ’

เมื่อเวลาประมาณ 09.00 น. วันที่ 12 มกราคม ที่ สถานีตำรวจภูธรวังสะพุง “กลุ่มฅนรักษ์บ้านเกิด 6 หมู่บ้าน” เดินทางมาเข้ายื่นหนังสือ ต่อผู้กำกับ สภ.วังสะพุง อุตสาหกรรมจังหวัดเลย สำนักงานพิทักษ์ทรัพย์ และผู้ว่าราชการจังหวัดเลย เพื่อให้มีมาตรการคุ้มครองความปลอดภัยของนักปกป้องสิทธิมนุษยชนกลุ่มฅนรักษ์บ้านเกิดฯ ซึ่งถูกชายฉกรรจ์ข่มขู่ คุกคาม และให้หาแนวทางในการป้องกันการแร่และสินทรัพย์เถื่อน ในพื้นที่เหมืองทองคำ “ทุ่งคำ” อ.วังสะพุง จ.เลย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือ ไผ่ ดาวดิน พร้อมมวลชนประมาณ 10 คน ได้เดินทางมาร่วมเคียงข้างนักปกป้องสิทธิ ในการยื่นหนังสือดังกล่าว เพื่อป้องกันการขนแร่และสินทรัพย์เถื่อน ทั้งนี้ เกิดการวิวาทขึ้นเล็กน้อย มีกลุ่มชายชกรรจ์ พยายามบันทึกภาพ และกีดขวางไม่ให้ชาวบ้านเข้าไปยื่นหนังสือ โดยกลุ่มของไผ่ ดาวดินจึงล้อมไว้ และพยายามซักถามว่า บุคคลที่เข้ามาถ่ายรูปเป็นใคร มาจากไหน ขอให้แสดงตัวตน และให้บอกว่า ถ่ายภาพไปเพื่ออะไร

จากนั้น ชาวบ้าน กว่า 10 ราย ร่วมกันชูป้าย ระบุข้อความ “ปิดเหมืองถาวร” ที่หน้า สภ.วังสะพุง โดยมีกลุ่มดาวดิน ดูแลความปลอดภัย

น.ส.รจนา กองเสน ตัวแทนกลุ่มฅนรักษ์บ้านเกิด กล่าวว่า วันนี้เราจะมายื่นข้อเสนอ 2 ประเด็นใหญ่ คือ 1.ข้อเสนอถึง ผบ.ตร. เพราะเหตุการณ์ปัจจุบัน ที่ชาวบ้านผจญอยู่นั้นรุนแรงอย่างมาก 2.จะมาลงบันทึกประจำวันใน 3 หัวข้อใหญ่ คือ 2.1 การเคลื่อนย้านสินแร่เถื่อนที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ยังไม่ได้ตรวจยึด 2 2.สถานการณ์ความไม่ปลอดภัยของชาวบ้านที่เฝ้าทรัพย์อยู่บริเวณเหมือง และ 2.3.เรื่องตู้แดง

Advertisement

น.ส.รจนา กล่าวต่อว่า การเคลื่อนย้านสินแร่เถื่อน มีประเด็นอยู่ว่า ชาวบ้านต่อสู่กับเหมืองแร่ทองคำมากว่า 15 ปีแล้ว ได้ผลกระทบมากมาย ไม่ว่าจะเป็น สารโลหะหนักในเลือด น้ำใช้ไม่ได้ ผักกินไม่ได้ ซึ่งชาวบ้านฟ้องบริษัทคืนในคดีฟื้นฟู จนชนะ ศาลพิพากษาให้ชาวบ้าน 149 ครัวเรือน คนละ 104,000 บาท หลังจากนั้น ปี 2562 ธนาคารดอยซ์ แบงก์ ก็ฟ้องล้มละลายบริษัททุ่งคำ โดยเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ ก็ได้ยึดทรัพย์ของบริษัททุ่งคำทั้งหมด เป็นประเด็นสำคัญ เพราะมีสินแร่ 190 ถุง ที่ตอนนี้กำลังขายได้ในจำนวนเงินกว่า 8 ล้านบาท ซึ่งมีการขนย้าย เปลี่ยนถุงในบริษัท ปัญหาสำคัญคือ ชาวบ้านเป็นหนึ่งในเจ้าหนี้ของบริษัททุ่งคำ ที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ให้ดูแลสินทรัพย์นั้น

“ความผิดปกติในสินทรัพย์ที่ยังอยู่นั้นมีหลายประการ คือ ความผิดปกติในกองสินแร่ที่อยู่หน้าโรงแต่งแร่ ซึ่งเดิม มีกองหินแร่ที่อยู่หน้าโรงงาน แต่ลักษณะความสูง-ต่ำเปลี่ยนไป เหมือนมีการเกลี่ยเข้าไปอีกกอง มีความผิดปกติ รวมทั้งมีรอยรถแม็คโครที่ทางเข้า และรอยรถแม็คโครที่เข้าไปปรับแต่งกองแร่, รั้วลวดน้ำมีการตัดและวางไว้ดานข้าง คล้ายว่าเป็นการเคลียร์พื้นที่ เพื่อขนย้ายออกไปข้างนอก คือความสงสัยของชาวบ้าน” น.ส.รจนากล่าว และว่า

ประเด็นที่ 2 ความไม่ปลอดภัยของชาวบ้าน กล่าวคือ ชาวบ้านเจ็บปวด เมื่อปี 15 พฤษภาคม 2557 เป็นเหตุการณ์ที่ชายฉกรรจ์ 200-300 คน เข้าไปทำร้ายชาวบ้าน 10 กว่าคน ได้รับบาดเจ็บ ซึ่งเป็นชายที่ขนแร่ออกไป เหตุการณ์ล่าสุด เป็นปัญหาเกี่ยวกับสินแร่อีก ชาวบ้านจึงกลัวว่าจะซ้ำรอย ปี 2557

Advertisement

เพราะเมื่อวันที่ 2 มกราคมที่ผานมา ก็มีชายฉกรรจ์ไม่ทราบชื่อ ขับรถเข้ามาบริเวณบ้านและชุมชน จึงรู้สึกไม่ปลอดภัย หลังจากนั้น มีประเด็นตู้แดงของตำรวจ ชาวบ้านไม่ได้ร้องขอ ก็มีการมาติดตั้งที่ทางเข้าเหมือง ตรงที่ชาวบ้านเฝ้าเวรยามอยู่ทุกวัน ซึ่งความจริงแล้ว ถ้าเป็นตู้แดงของตำรวจจริง จะต้องทีตำรวจไปตรวจตรา ต้องมีการลงบันทึกประจำวันว่าตำรวจลงไปดูแลความปลอดภัยของชาวบ้าน แต่ไม่มีในบันทึกประจำวัน จึงสงสัย ว่าติดตั้งทำไม ติดเพื่อใคร หรือว่าลงคาถาไว้ จึงไม่มีคนที่ไปดูแลชาวบ้าน

“เราจะมี 3 ข้อ ที่จะยื่นให้ ผบ.ตร. คือ 1.ขอให้ท่านสั่งการมาที่ ผู้บังคับบัญชาการ ตำรวจภูธร จ.เลย และ สภ.วังสะพุง เพื่อเร่งรัดหามาตรการสร้างความปลอดภัยและมีประสิทธิผล เพื่อดูแลความปลอดภัยของนักปกป้องสิทธิมนุษยชน กลุ่มฅนรักษ์บ้านเกิด 6 หมู่บ้าน และองค์ที่สนับสนุนกรทำงานของนักปกป้องสิทธิมนุษยชน เพื่อให้มั่นใจว่า จะไม่มีเหตุการณ์ความรุนแรงใดๆ มากระทำ ต่อนักปกป้องสิทธิ ที่ทำหน้าที่เพื่อดูแล ปกป้องสิ่งแวดล้อม และเฝ้าเวรยามเพื่อพิทักษ์ทรัพย์สินในเหมืองแร่ ในฐานะหนึ่งในกรรมการเจ้าหนี้ และ หนึ่งในคณะกรรมการพิทักษ์ทรัพย์ในขั้นตอนการประมวลสินทรัพย์ เพื่อนำเงินมาชำระหนี้ แก่เจ้าหนี้ของบริษัททุ่งคำ จำกัด โดยเริ่มจากการมาติดตั้งตู้แดงอย่างเป็นทางการ และส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจมาตรวจตรา ดูแลความปลอดภัยประจำวัน และประสานงานกับทีมความปลอดภัยของกลุ่ม เพื่อร่วมหามาตรการความปลอดภัยในขั้นตอนต่อไป

2.ขอให้ท่านได้สืบสวน และหาข้อเท็จจริง ถึงการเข้ามาของกลุ่มชายฉกรรจ์ ที่อ้างว่ามาจากบริษัท ทุ่งคำ จำกัด ซึ่งมีพฤติการข่มขู่สมาชิกชุมชน ทำให้กลุ่มฅนรักษ์บ้านเกิด รู้สึกไม่ปลอดภัย และเกรงว่าจะตกอยู่ในอันตราย ดังที่เคยเกิดขึ้นมาแล้ว รวมทั้งสืบหาข้อเท็จจริงในมาตรการป้องกันที่อาจจะเกิดขึ้น และหามาตรการป้องกันความปลอดภัยของนักสิทธิมนุษยชน

3.ขอให้ท่านได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.วังสะพุง ที่ได้เดินทางเข้าพร้อมกับกลุ่มชายฉกรรจ์ดังกล่าว และมาติดตั้ฃตู้แดง บริเวรหน้าเหมืองพิพาท เมื่อวันที่ 4 มกราคม 2564 ว่าเข้ามาด้วยจุดประสงค์ใด ใครสั่งมา และเป็นไปด้วยจุดประสงค์ใด” น.ส.รจนากล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image