รมว.ศธ. ส่งสารให้กำลังใจครู ชูนโยบาย 3 ป. ‘ปลดล็อก-ปรับเปลี่ยน-เปิดกว้าง’ ให้เท่าทันโลก

รมว.ศธ. ส่งสารให้กำลังใจครู ชูนโยบาย 3 ป. ‘ปลดล็อก-ปรับเปลี่ยน-เปิดกว้าง’ ให้เท่าทันโลก

เมื่อวันที่ 16 มกราคม นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ มอบสาร เนื่องในวันครู ครั้งที่ 65 พุทธศักราช 2564 วันที่ 16 มกราคม 2564 โดยว่า

เนื่องในโอกาสการจัดงานวันครู ครั้งที่ 65 พ.ศ.2564 ผมขอแสดงความชื่นชม และส่งกำลังใจให้แก่คุณครูและผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษาทุกท่าน

แม้ว่าปัจจุบัน เทคโนโลยีจะเข้ามาช่วยในการเรียนรู้ต่อผู้เรียนมากเพียงใด แต่ผมเชื่อมั่นเสมอว่า “ครู” คือบุคคลหลักในการขับเคลื่อนการพัฒนาการศึกษาของชาติ ด้วยเพราะครูคือผู้ที่ทำหน้าที่ โดยตรงในการพัฒนาคน ซึ่งคือผู้เรียนที่เป็นอนาคตของชาติ อาจกล่าวได้ว่า ชาติบ้านเมือง จะเจริญได้ เพราะประชาชนในชาติได้รับการศึกษาที่ดี และมีครูที่มีคุณภาพ

สถานการณ์ปัจจุบัน หลังจากที่เมื่อปีที่แล้วเกิดสถานการณ์การระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (Covid-19) ที่ทำให้ทุกคนในสังคมโลกต่างต้องปรับตัว เพื่อป้องกันตนเองและลดการแพร่ระบาดของโรค ทุกภาคส่วนต่างต้อปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตและวิถีการทำงาน โลกกำลังก้าวเข้าสู่ศตวรรษที่ 21 ครูไทยก็ต้องปรับตัวให้เท่าทันโลกที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

Advertisement

การเปลี่ยนแปลงที่ว่านี้ ต้องทำอย่างเร็วและแรง ด้วยนโยบาย 3 ป. คือ ปลดล็อก ปรับเปลี่ยน เปิดกว้าง เพื่อยกกำลังสองการศึกษาสู่ความเป็นเลิศ

ป.แรก ปลดล็อก คือ กลไกขับเคลื่อนการศึกษาร่วมกับทุกภาคส่วน นำภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคสังคม โดยการประสานความร่วมมือกันอย่างเป็นรูปธรรม กฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ ประกาศต่าง ๆ เพื่อให้เกิดความร่วมมือกัน สามารถดำเนินการที่เกี่ยวข้องกับการศึกษาได้อย่างรวดเร็ว รวมถึงการบริหารการศึกษาของประเทศให้ครอบคลุมทุกพื้นที่เพื่อปฏิรูปการศึกษาสู่ความเป็นเลิศ อย่างแท้จริงและยั่งยืน เป็นการ “ปลดล็อก” ให้เกิดการทำงานร่วมกันง่ายขึ้น ลดข้อจำกัด ของกระบวนการต่ง ๆ ลง เพื่อให้ภาครัฐและเอกชนสามารถช่วยกันบริหารการศึกษาของประเทศ ได้ลึกและกว้างขึ้น

ป.ที่สอง ปรับเปลี่ยน คือ ปรับเปลี่ยนหลักสูตรการเรียนการสอนที่มุ่งเน้นการพัฒนา ขีดความสามารและศักยภาพให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลก ปรับเปลี่ยนการพัฒนาครูและ บุคลากรทางการศึกษาผ่านศูนย์พัฒนาศักยภาพบุคคลเพื่อความเป็นเลิศ (Human Capital Excellence Center : HCEC) เพื่อให้ครู Up Skill และ Re-Skill ของตนเองได้ตลอดเวลา ทั้งนี้ เพื่อส่งต่อความรู้ไปยังผู้เรียนให้เป็นคนดี คนเก่ง และคนที่มีคุณภาพ

Advertisement

ป.สุดท้าย เปิดกว้าง คือ เปิดเสรีทางการศึกษาให้ภาคเอกชนที่มีคุณภาพเข้ามามีส่วนร่วม ในการพัฒนการศึกษาร่วมประเมินผลการเรียนรู้ของผู้เรียนผ่านศูนย์พัฒนาศักยภาพบุคคล เพื่อความเป็นเลิศ (Human Capital Excellence Center : HCEC) จากแพลตฟอร์มดิจิทัล (Digital Education Excellence Platform : DEEP) ให้ครอบคลุมผู้เรียนทั่วประเทศ

ทั้งนี้ เพื่อนำไปสู่ครูยกกำลังสอง ที่เน้นเพิ่มคนเก่งมาเป็นครู พัฒนาครูในระบบ นักเรียนยกกำลังสอง ที่เน้นเรียนเพื่อรู้ พัฒนาทักษะ ห้องเรียนยกกำลังสองที่เน้นเรียนที่บ้าน ถามที่โรงเรียนหลักสูตรยกกำลังสองที่เน้นลดเวลาเรียน เพิ่วลารู้ สืการเรียนรู้ยกกำลังสองที่เน้นเรียนผ่านสื่อ ผสมผสาน ผ่นช่องทางที่หลากหลาย รวมถึง โรงเรียนยกกำลังสองที่มุ่งเน้นคุณภาพในโรงเรียนระดับ การศึกษาขั้นพื้นฐาน เพื่อความเป็นเลิศทางวิชการ ภูมิปัญญาท้องถิ่น และวิสาหกิจชุมชนที่เน้น คุณภาพของวิทยาลัยอาชีวศึกษาเพื่อความเป็นเลิศและความเชี่ยวชาญที่สามารถตอบโจทย์ทักษะ และความรู้ที่เพิ่มความเชี่ยวชาญในการปฏิบัติงาน อันเป็นการพัฒนาการศึกษาครบทุกมิติ

ขวัญและกำล้ใจของครูเป็นสิ่งสำคัญ กระทรวงศึกษาธิการมุ่งมั่นให้ครูมีคุณภาพชีวิตที่ดี เพราะเมื่อครูมีคุณภาพชีวิตที่ดีแล้ว ก็จะมีพลังในการสร้างคุณภาพของการเรียนการสอน ยังผลไปถึง คุณภาพของผู้เรียนต่อไป โดยการจัดตั้งกองทุนพัฒนาคุณภาพชีวิตครู และจะช่วยแก้ไขปัญหาหนี้สินให้กับครู ด้วยการปรับโครงสร้างที่จะนำไปสู่การลดหนี้ ต้องการให้ครูได้มีโอกาสลดภาระหนี้ในปัจจุบัน อันเป็นเป้าหมายหลักของกองทุน ด้นความก้าวหน้าในเรื่องวิทยฐานะ มุ่งปรับระบบที่เน้นการวัดผล จากเอกสารวิชากา เป็นรบบที่มุ่งเน้นวัดผลจากผลสัมฤทธิ์การเรียนการสอนของครูกับนักเรียน เป็นหลัก เพิ่ความสำคัญของผลสัมฤทธิ์เชิงประจักษ์ เชิงคุณภาพการเรียนการสอน

ท้ายนี้ ผมขออาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัย สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายที่ท่านเคารพนับถือ โปรดดลบันดาลให้คุณครูและผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษาทุกท่าน ประสบแต่ความสุขสวัสดี แข็งแรงทั้งสุขภาพกายและใจ มีพลังและสติปัญญในการร่วมกันพัฒนาการศึกษาชาติสืบไป

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image