นิพิฏฐ์-ปวิน ดวลกันเดือดโลกออนไลน์
เมื่อวันที่ 16 ม.ค. นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ อดีตส.ส.พัทลุง โพสต์ข้อความทางเฟซบุ๊ก ถึง ปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์ นักวิชาการประจำสถาบันเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษา มหาวิทยาลัยเกียวโต ซึ่งมีสถานะเป็นผู้ลี้ภัยทางการเมืองของไทย โดยเป็นการโพสต์วิพากษ์วิจารณ์ถึงท่าที การแสดงออกทางการเมืองของ ปวิน แต่ถูกปวินโต้กลับทันควัน โดยระบุว่า
สถานะของผู้ลี้ภัย
ผมไม่รู้จัก อ.ปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์ และไม่ประสงค์จะรู้จักเธอ แต่ก็พอจะรู้ว่าเธอมีความคิดทางการเมือง และรสนิยมการใช้ชีวิตไปทางไหน การใช้ชีวิตของเธอ หากไม่กระทบกับสังคมโดยรวมเธอจะมีจริตไปทางไหนก็แล้วแต่เธอ เอาตามรสนิยมที่เธอชอบว่างั้นเถอะ ไม่ว่ากัน วันก่อนเห็นเธอโพสต์รูปโชว์ก้นอยู่ ผมก็ได้แต่หายใจยาวกับอาจารย์คนนี้ วันดี คืนดี เธอก็เข้ามาคอมเมนต์ในเฟซบุ๊กของผมแบบไม่ได้รับเชิญ ผมนี่ใจหายแว๊บเลย แต่ก็ไม่ติดใจอะไรเธอ เนื่องจากเฟซบุ๊กผมเป็นพื้นที่สาธารณะ เธอจะคอมเมนต์อะไรก็แล้วแต่เธอ แต่… ผมว่าระยะหลังนี่เธอจะพล่านมากไปหน่อย อาจคิดถึงบ้านหรืออย่างไรก็ไม่รู้ เธอมักทำอะไรที่ไม่สมกับอายุ และไม่สมกับเป็นครูบาอาจารย์ อารมณ์เธอวูบวาบเหมือนคนกำลังจะหมดประจำเดือน ผมทราบว่าเธอได้รับสถานะเป็นผู้ลี้ภัยทางการเมืองอยู่ในประเทศญี่ปุ่น การเป็นผู้ลี้ภัยทางการเมืองนี่ เขาห้ามทำกิจกรรมทางการเมืองนะ แต่เธอก็แสดงความเห็นทางการเมืองอย่างร้อนแรงอยู่เสมอ โดยเฉพาะการเป็นปฏิปักษ์ต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ผมก็สงสัยว่า แล้วกระทรวงการต่างประเทศไม่รู้ร้อนรู้หนาวเลยหรือ ท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ ท่านสบายดีอยู่หรือ สัปดาห์หน้า ผมจะทำหนังสือถึงกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อขอให้รัฐบาลญี่ปุ่นห้ามเธอในฐานะผู้ลี้ภัยแสดงความเห็นทางการเมือง เพราะการแสดงความเห็นของเธอหลายครั้ง กระทบถึงความสัมพันธ์อันดีที่ไทยมีอยู่ยาวนานกับประเทศญี่ปุ่น ลองดูซิว่า ท่านรัฐมนตรีจะตอบว่าอย่างไร อ้อ!! แล้วถ้าเธอไม่อยู่ในสถานะผู้ลี้ภัย ก็ทำเรื่องขอให้ส่งผู้ร้ายข้ามแดนเสียเลย ผมไม่ได้เป็น ส.ส.กับเขาหรอก จึงไม่มีโอกาสไปสอบถามในสภาครั้นจะหวังพึ่ง ส.ส.ในสภา ก็อย่าพึ่งเขาเลย ทำในฐานะประชาชนดีกว่า ถามกันทางนี้แหละ ท่านรัฐมนตรีตอบมาอย่างไร จะนำมาแจ้งให้ทราบครับ อ้อ!! อ.ปวิน นี่เธอเป็นผู้ชายนะ
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ปัจจุบัน ปวิน เป็นผู้ลี้ภัยการเมือง ซึ่งลี้ภัยอยู่ที่เกียวโต ประเทศญี่ปุ่น เคยถูกหลายหน่วยงาน และกลุ่มการเมือง ยื่นขอให้รัฐบาลญี่ปุ่นส่งตัวกลับมาแล้วหลายครั้ง แต่ไม่ประสบความสำเร็จ ไม่ได้รับการตอบสนองจากทางการญี่ปุ่น