‘บิ๊กตู่’ ยัน ไม่ผลีผลามใช้วัคซีนโควิด ต้องมั่นใจว่าปลอดภัยถึงใช้กับคนไทย

สรุปข่าวเด่น 18 ม.ค. – ‘บิ๊กตู่’ ยัน ไม่ผลีผลามใช้วัคซีนโควิด ต้องมั่นใจว่าปลอดภัยถึงใช้กับคนไทย ด้าน แพทย์แจงวัคซีนนอร์เวย์คนละตัวกับไทย ฉีด23รายดับยังไม่ยืนยันจากสาเหตุใด

เมื่อวันที่ 18 มกราคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊คส่วนตัวเมื่อ 17 มกราคมว่า ช่วงนี้ มีข่าวเกี่ยวกับผลข้างเคียง หรืออาการไม่พึงประสงค์ จากการฉีดวัคซีนโควิด-19 บางตัวเกิดขึ้นในบางประเทศ ซึ่งเราคงต้องรอฟังผลสรุปการตรวจสอบของผู้เชี่ยวชาญ ถึงสาเหตุที่แท้จริงว่าเกี่ยวข้องกับวัคซีนหรือไม่ หรืออาจเกิดจากปัจจัยอื่น เช่น โรคประจำตัวบางอย่าง สภาพร่างกาย หรืออายุ รวมทั้งอัตราผลข้างเคียงนั้นอยู่ในระดับที่ยอมรับได้หรือไม่ นอกจากนั้น บางประเทศที่ต้องการเริ่มฉีดวัคซีนเร็ว มีการตัดสินใจใช้วัคซีน ที่อาจจะยังทดสอบประสิทธิภาพและความปลอดภัยไม่ครบถ้วน

“สำหรับคนไทย ผมตัดสินใจไม่รับความเสี่ยงแบบนั้น ผมไม่ยอมให้รีบร้อนฉีดวัคซีนที่ยังทดสอบไม่ครบถ้วน และไม่ยอมเป็นประเทศทดลอง ดังนั้น เพื่อความรอบคอบ ผมจึงมีนโยบายสำคัญ คือ ต้องมั่นใจก่อนว่าวัคซีนนั้นปลอดภัย จึงจะนำมาใช้กับคนไทยได้

ทั้งนี้ การตัดสินใจของผม และการบริหารจัดการเรื่องวัคซีนของประเทศ แบบครบวงจรจะมีคณะกรรมการวัคซีนแห่งชาติคอยให้คำปรึกษาและกำกับดูแลอย่างใกล้ชิด”พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ความสำเร็จในการยับยั้งการระบาดของโควิด-19 ในปีที่ผ่านมา และในครั้งนี้ที่กำลังมีแนวโน้มไปในทางที่ดีขึ้น เกิดจากความร่วมมือกันปฏิบัติตามมาตรการต่างๆ และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง สิ่งที่ทุกคนสามารถทำได้ทันที ด้วยตัวเอง คือการสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา หมั่นล้างมืออยู่เสมอ เว้นระยะห่างทางสังคม และหลีกเลี่ยงการรวมตัวกัน นอกจากนี้ หากต้องการให้การควบคุมโรคมีประสิทธิภาพ ก็ต้องสแกน QR Code ไทยชนะทุกครั้ง และใช้แอปฯ หมอชนะ”ทุกคน ก็จะดีมาก “ผมขอให้เราทุกคนร่วมมือกันต่อไป”

Advertisement

ด้าน นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวเมื่อวันที่ 17 มค. ถึงกรณีมีรายงานผู้เสียชีวิต 23 ราย ที่ประเทศนอร์เวย์ หลังรับวัคซีนเข็มแรกว่า จากข้อมูลที่ประเทศนอร์เวย์ได้มีการฉีดวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19 ให้กับประชาชนในประเทศมากกว่า 300 ราย โดยเลือกใช้วัคซีนของบริษัทไฟเซอร์ และโมเดิร์นนา ทั้ง 2 ตัว เป็นเทคโนโลยี mRNA ป็นคนละตัวกับที่ไทยสั่งจองของบริษัทแอสตราเซเนกา และ ซิโนแวค ประเทศจีน เป็นเทคโนโลยีเชื้อตาย ดังนั้นประชาชนสบายใจได้ว่าเราไม่ได้ใช้วัคซีนตัว 2 ตัวนี้

นพ.โสภณ กล่าวว่า อย่างไรก็ตามการใช้วัคซีนในต่างประเทศ เป็นประโยชน์ต่อประเทศไทยในการวางแผนในการเตรียมการรับวัคซีนอย่างปลอดภัย จากรายงานข่าวทราบว่ามีผู้มีอาการไม่พึงประสงค์หลังการฉีด ทั้งอาการน้อย เช่น ปวดบริเวณที่ฉีด บวมร้อน บางคนคลื่นไส้ อาเจียน ส่วนกรณีเป็นมากๆ อาจจะเกิดภาวะช็อกหลังรับวัคซีน เป็นส่วนน้อย กรณีนี้ที่นอร์เวย์ฉีดวัคซีนพบผู้มีอาการไม่พึงประสงค์ 29 ราย แบ่งเป็นผู้หญิง 21 รายและผู้ชาย 8 ราย ส่วนที่เสียชีวิตมี 23 ราย เป็นผู้ที่ได้รับวัคซีนของไฟเซอร์ หลังรับไป 1 เข็ม ขณะนี้เจ้าหน้าที่ของประเทศนอร์เวย์ได้ให้ความเห็นว่าการฉีดวัคซีนยังถือว่ามีความเสี่ยงน้อย เนื่องจากกลุ่มผู้สูงอายุหรือผู้มีความเปราะบาง มีโรคประจำตัวเยอะจะเสี่ยงพบอาการไม่พึงประสงค์ได้ ปกติจะติดตามเป็นเวลาอย่างน้อย 30 นาทีหลังการฉีด จากนั้นติดตามต่ออีก 30 วันจนกระทั่งมั่นใจได้ว่าไม่มีผลข้างเคียงตามมา

นพ.โสภณ กล่าวว่า จากการติดตามสื่อที่น่าเชื่อถือพบว่ามีการชันสูตรศพผู้เสียชีวิต 13 ราย พบว่าเป็นผู้สูงอายุมากกว่า 80 ปี และอยู่ที่บ้านพักคนชราแห่งหนึ่ง ลักษณะเป็นเนิร์สซิ่งโฮม สาเหตุของการเสียชีวิตอยู่ระหว่างการสอบสวนโดยเจ้าหน้าที่สาธารณสุขและทีมงานทดลองวัคซีนตัวนี้ ขณะนี้แพทย์ประเทศนอร์เวย์ได้รับคำแนะนำว่าต้องประเมินความเสี่ยงก่อนการสั่งฉีดวัคซีนในกลุ่มผู้มีอายุมากและมีโรคประจำตัว รายละเอียดทั้งหมดจะออกมาเร็วๆ นี้ เพื่อให้เราทราบถึงสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริง

Advertisement

“ขณะนี้ยังไม่ได้สรุปว่าการฉีดวัคซีนเป็นสาเหตุที่แท้จริงของผู้เสียชีวิตทั้ง 23 รายหรือไม่ เพราะทั้ง 23 ราย เป็นกลุ่มคนที่มีอาการเยอะอยู่แล้ว และข้อมูลคนที่อยู่ในเนิร์สซิ่งโฮมมีผู้เสียชีวิตทุกวันเป็นปกติประมาณจำนวนหลายร้อยคนในประเทศอยู่แล้ว อย่างไรก็ตามเนื่องจากอยู่ในช่วงที่มีการรณรงค์ฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ด้วย อาจมีส่วนหรือไม่มีส่วนในการเสียชีวิตก็ได้ ต้องรอรายละเอียดอีกครั้งหนึ่ง” นพ.โสภณ กล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image