พิชาย ชี้ รัฐบาลประยุทธ์ยิ่งอยู่นาน ประเทศยิ่งด้อยพัฒนา การบริหารสุดล้าหลัง
เมื่อวันที่ 18 ม.ค. รศ.ดร.พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต อดีตคณบดีพัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อม สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) และประธานคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) โพสต์ข้อความแสดงความเห็น เกี่ยวกับการบริหารประเทศของรัฐบาล ระบุว่า
ภาวะด้อยพัฒนาของรัฐบาลประยุทธ์ รัฐบาลประยุทธ์และเครือข่ายอำนาจของเขา นอกจากยังไม่ยอมรับความจริงเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสังคมที่เกิดขึ้นในยุคศตวรรษที่ 21 แล้ว ยังพยายามยื้อยุดฉุดดึงให้ระบอบการเมืองของประเทศหวนกลับไปสู่รูปแบบการบริหารที่ล้าหลัง ไร้ประสิทธิภาพ รวมศูนย์อำนาจและใช้ความรุนแรงปราบปรามประชาชนมากขึ้นยิ่งขึ้น
ความคิดและการกระทำเรื่องการปฏิรูปโครงสร้างอำนาจ และระบบราชการให้กระจายไปสู่ประชาชนยังมีน้อยอย่างยิ่ง สิ่งนี้บ่งชี้ถึงภาวะด้อยพัฒนาทางการเมือง
การแก้ปัญหาของประเทศ มักใช้วิธีการตั้งกรรมการเพื่อศึกษาแล้วเงียบหาย แทบทุกเรื่องไม่ได้รับการนำไปปฏิบัติ เช่น กรรมการปฏิรูปตำรวจ
เรื่องบางเรื่องต้องตั้งคณะกรรมการ ก็กลับตั้งขึ้นมา อันเป็นการส่อเจตนาถึงการปัดความรับผิดชอบให้พ้นตัว เช่น การแก้ปัญหาบ่อนพนันผิดกฎหมาย
พลเอกประยุทธ์มักกล่าวบ่อยครั้งว่า ตนเองมีความมุ่งมั่นในการทำงาน เป็นการอ้างที่ไม่มีความจริงรองรับแต่อย่างใด เพราะเท่าที่เห็นคือ มีแต่มุ่งมั่นในการตั้งกรรมการต่างๆ ขึ้นมากมายนับไม่ถ้วน ตั้งแต่คราวเป็น คสช. ต่อเนื่องมาถึงปัจจุบัน แต่หาได้มีกระทำจริงเพื่อแก้ปัญหาแต่อย่างใด เวลานี้กองกระดาษมหึมาอันเป็นผลของการศึกษาของกรรมการชุดต่างๆ คงถูกทิ้งไปอย่างไม่ไยดี
ปัญหาทุจริตก็แก้ไม่ได้แม้แต่น้อย จนกลายเป็นต้นเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดการแพร่ระบาดโควิดรอบใหม่ ไม่ว่าจะเป็นการทุจริตของการขนแรงงานเถื่อนเข้าประเทศ หรือการรับสินบนจากบ่อนพนันเถื่อน ก็ตาม
ที่สำคัญมีทัศนคติเชิงลบอย่างรุนแรงต่อประชาชนที่เรียกร้องให้เกิดการปฏิรูปโครงสร้างอำนาจเพื่อให้เป็นประชาธิปไตย และมองเป็นปรปักษ์หรือเป็นภัยต่อความมั่นคงของกลุ่มตนเอง
มีการใช้กฎหมายอย่างไม่สมเหตุสมผลและไม่อิงกับหลักนิติธรรม เพื่อปราบปราม ข่มขวัญ และกดทับการแสดงออกทางการเมืองของประชาชน ซึ่งยิ่งทำให้ความขัดแย้งเพิ่มขึ้นทั้งเชิงปริมาณและคุณภาพ
กล่าวได้ว่า รัฐบาลประยุทธ์นำพาประเทศไปสู่ภาวะด้อยพัฒนาทั้งการเมืองและการบริหารประเทศ ยิ่งอยู่นานประเทศก็ยิ่งด้อยพัฒนามากขึ้นเรื่อยๆ
