‘บิ๊กตู่’ ยันไม่ปิดกั้น-ผูกขาดนำเข้าวัคซีน เหน็บแรง โควิดทำขยะพิษเยอะ อย่าเพิ่มขยะสังคม

‘บิ๊กตู่’ ยันไม่ปิดกั้นนำเข้าวัคซีน แต่ช่วงแรกจำเป็นควบคุมเหตุเป็นสถานการณ์ฉุกเฉิน ต้องให้ อย.รับรองเท่านั้น แย้มพิจารณาประเมินสถานการณ์รายวันก่อนตัดสินใจคลายล็อก เหน็บอย่าเพิ่มขยะสังคม เพราะวันนี้ขยะพิษเยอะอยู่แล้ว

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 19 มกราคม ที่ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ ตามมาตรฐานกระทรวงสาธารณสุขในการป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทั้งนี้ ก่อนประชุมกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ได้นำผลงานวิจัยและนวัตกรรมเพื่อรองรับสถานการณ์โรค covid-19 ซึ่งเป็นงานวิจัยที่ได้รับรางวัลการวิจัยแห่งชาติ รางวัลผลงานประดิษฐ์คิดค้นประจำปีงบประมาณ 2564 มาจัดแสดงให้คณะรัฐมนตรีได้รับชม เช่น การใช้ประโยชน์จากระบบปัญญาประดิษฐ์ในการประเมินการใส่หน้ากากอนามัยของประชาชน เพื่อเฝ้าระวังการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19, เครื่องฆ่าเชื้อโควิด-19 โดยละอองนาโนและตู้อบฆ่าเชื้อไวรัสระบบไฮบริด โดยมี ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นำเสนอด้วย

นายกรัฐมนตรีกล่าวย้ำว่า เชื้อที่แพร่ระบาดในขณะนี้มาจากพม่าแน่นอน ไม่ใช่สายพันธุ์ที่มาจากอังกฤษที่ตรวจพบในสถานกักตัว ซึ่งโชคดีที่เราสามารถควบคุมไว้ได้ โดยเฉพาะที่มาจากต่างประเทศ โชคดีเราควบคุม ตรวจสอบคัดกรองได้และหาตัวได้เจอ สิ่งสำคัญที่สุด พื้นฐานเชื้อใกล้เคียงกัน ที่ระบุมีพันธุ์ใหม่คือการแพร่ระบาดได้เร็วขึ้น

ขณะที่ นพ.ยงกล่าวว่า เชื้อที่มาจากต่างประเทศเป็นการติดเชื้อเร็วขึ้นแต่ความรุนแรงเท่าเดิม วัคซีนในขณะนี้ใช้ได้ เพราะระบบภูมิต้านทานอยู่ในกลุ่มเดียวกัน

พล.อ.ประยุทธ์จึงกล่าวว่า แค่สองเชื้อก็วุ่นพออยู่แล้ว ต้องไม่ให้มีเชื้อสายอื่นเข้ามาในประเทศ ซึ่งพื้นฐานของเชื้อเหล่านี้ใกล้เคียงกัน แต่สายพันธุ์ใหม่เพียงแพร่ได้เร็วขึ้น โดยเฉพาะต้องดูที่มาจากไกลๆ รอบบ้าน เพราะเราไม่รู้ว่าเขาดำเนินการได้ดีแค่ไหนอย่างไร จึงต้องไม่ประมาท เพราะอยากให้เพื่อนบ้านทุกประเทศปลอดภัย หากเขาปลอดภัยเราก็ปลอดภัย

Advertisement

“ทุกวัคซีนที่จะนำเข้ามาเราไม่ปิดกั้น ไม่ใช่แอสตร้าเซนเนก้าอย่างเดียว แต่ต้องมีมาตรฐานการรับรองจากต้นทางมาด้วย แล้วต้องมาผ่านมาตรฐานเรา แต่ในเรื่องการฉีด เมื่อเราได้วัคซีนมาและไม่ใช่ อย.อนุญาตแล้วฉีดได้ทันที เพราะวัคซีนทยอยเข้ามาตามคิว หมายความว่าตอนนี้เรายังไม่มีวัคซีน ดังนั้น ระหว่างนี้เราต้องศึกษาเพื่อให้เกิดความรอบคอบว่าเมื่อฉีดแล้วเป็นอย่างไร และเตรียมมาตรการป้องกัน ทำให้ดีที่สุดเท่าที่ทำได้ และวันหน้าหากของที่อื่นได้ผลเราก็ซื้อได้ เราไม่ผูกขาดใครอยู่แล้ว” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า วันนี้เรายังเลือกวัคซีนไม่ได้มาก แต่ต่อไปเมื่อมีการพัฒนาการแข่งขันก็มีคุณภาพมากขึ้น ราคาถูกลง ซึ่งวัคซีนเหล่านี้ต้องฉีดหลายครั้งและหลายปี ตราบใดที่มีการระบาดอยู่ เหมือนไข้หวัดธรรมดา แต่เป็นไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่ สิ่งสำคัญสินค้าที่นำเข้ามาถือเป็นสินค้าควบคุมดูแลก่อนระยะแรก ถือว่าเราใช้ในช่วงมีสถานการณ์ฉุกเฉินในขณะนี้ที่มีการแพร่ระบาดของโรค ไม่ใช่ใครก็ได้ที่จะนำเข้าในระยะนี้ เป็นเรื่องของรัฐบาลที่เรามีความรับผิดชอบในขณะนี้ วันข้างหน้าถ้าดีแล้ว ในทางพาณิชย์ค่อยว่ากันอีกที แต่วันนี้ใครจะมาฉีดเองไม่ได้ทั้งนั้น วัคซีนทั้งหมดต้องมาจากเรา เพราะเรารับผิดชอบตรงนี้ จึงต้องดูแล แต่ถ้าดำเนินการแล้วเกิดอะไรขึ้นมา ก็อยู่ที่บริษัทที่ผลิตยาและวัคซีนด้วยที่ต้องรับผิดชอบ

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวย้ำว่า ครั้งนี้เป็นสถานการณ์ฉุกเฉินจำเป็นต้องใช้ มีผลข้างเคียงอะไรบ้างก็แล้วแต่กลุ่ม ดังนั้น ขอสื่อไปดูรายละเอียดด้วยก่อนเสนอข่าว ไม่เช่นนั้นสับสนอลหม่านไปหมด และวันนี้แม้ใครพร้อมดำเนินการและมีงบพอก็ไม่สามารถดำเนินการได้ เพราะยังไม่มีวัคซีน ซึ่งเรื่องวัคซีนให้รัฐบาลเตรียมดูแลตรงนี้ก่อนให้เพียงพอ ขอร้องสื่อลงข่าวให้ดีด้วย เพราะรัฐบาลดูแลคนทั้งประเทศ บางทีลงข่าวไปก็งง

Advertisement

จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์รับชมระบบตรวจจับการใส่หน้ากากอนามัย โดยนายกฯกำชับว่า ต้องไปดูในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูงมาก แต่ทุกคนต้องมีวินัย สื่อเองก็สอนให้คนมีวินัยด้วย ตนขอแค่นั้น อย่าสอนให้คนไม่มีวินัย ซึ่งสื่อก็ต้องเรียนรู้ไปด้วยกันไม่เช่นนั้นก็เป็นแบบเดิม พูดคนละภาษา นอกจากนี้ขอขอบคุณหมอและทีมวิจัยขอให้เร่งพัฒนาสิ่งเหล่านี้วิจัยได้รวดเร็วขึ้น ทั้งนี้ ขอย้ำวัคซีนการนำเข้ามาอะไรต่างๆ ต้องเตรียมความพร้อมของเราซึ่ง 20 กว่าล้านโดสที่ทยอยมามีคณะกรรมการพิจารณารอบคอบ และใช้ในภาวะฉุกเฉินไม่ใช่ภาวะปกติ

ขณะเดียวกัน นายอนุชา นาคาศัย รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และคณะผู้บริหาร เข้าพบนายกรัฐมนตรี เพื่อประชาสัมพันธ์โครงการ “ฮาวทูแยก-แยกอย่างไรไม่ให้ติดเชื้อ” รับมอบถุงขยะสีแดง จำนวน 35,000 ใบ และถังขยะสีแดง ความจุ 120 ลิตร จำนวน 300 ใบ สำหรับใช้บรรจุขยะมูลฝอยติดเชื้อ เช่น หน้ากากอนามัย กระดาษชำระ เสื้อกาวน์จากเม็ดพลาสติก ชุดอุปกรณ์ป้องกันบุคลากรทางการแพทย์ และถุงมือ จากบริษัทเอกชน เพื่อให้กระทรวงมหาดไทยและสำนักนายกรัฐมนตรีนำไปใช้จัดเก็บขยะในพื้นที่เสี่ยง โดยนำร่องที่ 3 จังหวัด ได้แก่ ชลบุรี ระยอง และสมุทรสาคร

โดยนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ขอให้ทุกคนทิ้งขยะให้ถูกที่ โดยเฉพาะขยะมีพิษ ขยะติดเชื้อไม่ใช่เรื่องหน้ากากอนามัยอย่างเดียว และยังมีขยะติดเชื้อตามโรงพยาบาลอีกจำนวนมาก จึงต้องบริหารจัดการขยะให้ดี ส่วนการสร้างโรงงานขยะ บางพื้นที่ติดปัญหาบ้าง เพราะหาพื้นที่ไม่ได้ ประชาชนไม่ยอม ก็ไม่รู้แก้ปัญหาได้อย่างไร จึงต้องขอความร่วมมือประชาชนในพื้นที่ด้วย โดยยืนยันความปลอดภัย แต่ถ้าโรงงานขยะไม่กระจายตามพื้นที่ก็จะมีการนำขยะไปเผาทิ้งข้ามจังหวัด ซึ่งจะอันตราย แต่ถ้าทุกจังหวัดหรือทุกภาคมีการขนส่งก็จะถูกลง ดังนั้น ท้องถิ่นต้องร่วมมือกันและต้องคิดให้ครบ ถ้าพูดหรือคิดเพียงชั้นเดียวก็เป็นเรื่องแค่ชั้นเดียว เราร้องดูว่าเหตุผลและความจำเป็นคืออะไร เรามีอะไรดีๆ อยู่เยอะ อย่าว่ากันนักเลย

“สาระสำคัญในการทำงานมีเยอะมากในแต่ละเรื่อง มีข้อปลีกย่อยเยอะ จึงขอให้ช่วยกันคิดและศึกษาจะได้ทำความเข้าใจไปพร้อมกัน ไม่เช่นนั้นประชาชนอ่านสื่อแล้วไม่เข้าใจ ผมไม่โทษพวกท่านหรอก แต่ท่านต้องพัฒนาให้ตรงกับที่เราคิดว่าใช่หรือไม่ใช่ ถูกหรือไม่ถูก สื่อเสนอไปผมไม่ว่า แต่ถ้าเสนอไม่ตรงเลยแบบนี้ก็ลำบาก วันนี้ขยะพิษหน้ากากพิษจากการป้องกันโควิดเยอะอยู่แล้ว อย่าสร้างขยะอย่างอื่นขึ้นมาอีก พวกขยะสังคมอะไรพวกนี้” นายกฯกล่าว

ในช่วงท้าย พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า นายกฯเป็นห่วงทุกคนจึงสั่งให้ตรวจ Swab ผู้สื่อข่าวที่ทำเนียบทั้งหมด ซึ่งวานนี้ (18 ม.ค.) ตนเองก็ตรวจไปแล้ว และผลไม่ติดเชื้อ

ผู้สื่อข่าวถามว่า เราจะมีข่าวดีในการผ่อนปรนมาตรการต่างๆ ในสิ้นเดือนนี้หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ขณะนี้ก็มีการพิจารณาอยู่ โดยจะต้องดูสถานการณ์เป็นวันๆ

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image