กมธ.กฎหมายฯ เรียกอัยการแจง ปมน้องชายธนาธร “สิระ” ซัดอัยการทำคดีไม่ชอบมาพากล

กมธ.กฎหมายฯ เรียกอัยการแจง ปมน้องชายธนาธร “สิระ” ซัดอัยการทำคดีไม่ชอบมาพากล

การประชุมกรรมาธิการกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร ที่รัฐสภาวันนี้ (20 มกราคม) ที่ประชุมมีวาระในการพิจารณาข้อเท็จจริงกรณีอัยการสั่งไม่ฟ้องประเด็นการได้สิทธิเช่าที่ดินระยะยาว บนพื้นที่ของสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์โดยไม่ผ่านกระบวนการประมูลแข่งขันตามขั้นตอนปกติตามที่นายวัชระ เพชรทอง อดีตส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ยื่นเรื่องต่อกรรมาธิการฯเมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2563 เพื่อตรวจสอบนายสกุลธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัทเรียล แอสเสท ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด น้องของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ที่มีการให้เงินจำนวน 20 ล้านบาทกับเจ้าหน้าที่สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ เพื่อแลกกับการได้สิทธิเช่าที่ดินดังกล่าวระยะยาว

โดยวันนี้กรรมาธิการฯ ได้เชิญผู้แทนจากสำนักงานอัยการ ผู้แทนจากกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง และผู้แทนจากกองบังคับการปราบปรามเข้าชี้แจงกรณีดังกล่าว โดยฝ่ายอัยการ มีนายวีรพล โมระกรานต์ อัยการพิเศษฝ่ายสำนักงานคดีปราบปรามการทุจริต นายประเสริฐ จรัญรัตนศรี อัยการผู้เชี่ยวชาญ เข้าชี้แจง ส่วนฝ่ายตำรวจได้ขอชี้แจงมาเป็นเอกสารแทนเนื่องจากเป็นการเชิญกระชั้นชิด

ซึ่งนายสิระ เจนจาคะ ประธานกรรมาธิการตั้งคำถามว่าเหตุใดคดีนี้มีการดำเนินคดีกับผู้เรียกรับเงิน คือเจ้าหน้าที่ของสำนักงานทรัพย์สินฯ กับนายหน้าเพียง 2 รายเท่านั้น แต่ไม่ดำเนินคดีกับนายสกุลธร เนื่องจากประชาชนสงสัยว่าคดีนี้มีการดำเนินคดีกับผู้รับแต่ไม่ดำเนินคดีกับผู้ให้

โดยนายวีรพล ซึ่งเป็นผู้แทนจากสำนักงานอัยการ ชี้แจงว่าคดีนี้อัยการได้มีการสอบถามไปยังพนักงานสวบสวนทราบว่า ได้แยกดำเนินคดีกรณีของนายสกุลธรออกมาเป็นอีกคดีหนึ่ง ทำให้ในสำนวนของพนักงานสอบสวนที่ส่งมาสำนวนแรกยังไม่ชื่อของนายสกุลธรเป็นผู้ต้องหา อัยการจึงไม่สามารถฟ้องดำเนินคดีกับนายสกุลธรได้ และอัยการก็ไม่มีอำนาจไปก้าวล่วงให้ทางตำรวจต้องดำเนินคดีกับนายสกุลธร แต่ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจทำเรื่องมาข้อเท็จจริงก็ชัดว่า นายสกุลธร มีส่วนร่วมในกรณีนี้เพียงแต่ตำรวจยังไม่ดำเนินสอบสวนและตั้งเป็นผู้ต้องหา ทำให้อัยการได้แต่รอว่าพนักงานสอบสวนจะส่งสำนวนคดีของนายสกุลธรมาเมื่อไหร่เพื่อจะได้พิจารณาว่านายสกุลธรผิดหรือไม่

Advertisement

ด้านนายประเสริฐ ชี้แจงว่าเหตุผลที่นายสกุลธร ในฐานะผู้ให้เงินแต่ไม่ถูกดำเนินคดีนั้น เป็นเพราะกรณีคนให้เงินเป็นอีกบริบทหนึ่งว่าเป็นการให้เงินเพื่อให้เจ้าหน้าที่ไปกระทำผิดต่อหน้าที่หรือไม่ ซึ่งจากสำนวนมีพยานให้การว่าการเงินของนายสกุลธร ทำให้คดีไม่ชัดเจนว่านายสกุลธร ให้เงินโดยรู้อยู่แล้วว่าจะมีการกระทำความผิด เพราะทั้ง2 ฝ่ายมีการประสานงานกันอย่างเปิดเผยไม่ได้ติดต่อกันทางลับ แต่ฝ่ายเจ้าหน้าที่ของสำนักงานทรัพย์สินฯซึ่งเป็นผู้ต้องหาที่ 1 กลับไม่ได้เปิดเผยชัดเจนว่าเป็นเจ้าหน้าที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในการจัดการทรัพย์สินของสำนักงานทรัพย์สินฯจึงเป็นการหลอกลวงของผู้ต้องหาที่ 1 คดีนี้นี้จึงเป็นเรื่องก้ำกึ่งว่านายสกุลธร รู้เห็นกระบวนการทั้งหมดหรือไม่

ด้านนายสิระ มองว่าการที่นายหน้าฝ่ายนายสกุลธร ซึ่งมาเป็นพยานและอ้างว่าไม่ทราบกระบวนการขอเช่าที่นั้น ฟังไม่ขึ้น ทั้งที่อาชีพนายหน้าต้องรู้ว่าการจะได้ที่ดินของสำนักงานทรัพย์สินฯมาต้องผ่านการประมูล จึงตั้งข้อสังเกตว่าเหตุใดอัยการไม่มีเหตุสงสัยในประเด็นนี้เข้าข่ายเป็นการช่วยเหลือกันหรือไม่ ไม่เช่นนั้นเท่ากับว่าใครพูดอะไรก็เชื่อหมดหากเป็นการให้ข้อมูลเท็จจะเป็นอย่างไร แม้ว่าศาลต้องพิจารณาตามสำนวนที่ส่งมา แต่เมื่อต้นนำมันสกปรก อัยการซึ่งอยู่กลางน้ำกลับไม่ทำเรื่องที่มาแบบสกปรกให้มันขาวขึ้น บางคดีสอบจนมัดแน่นถึงจะสั่งฟ้อง แต่คดีนี้รู้องค์ประกอบทุกอย่างแต่กลับไม่สอบ ส่วนตัวเชื่อว่าคดีนี้มีความผิดปกติแน่นอน

ด้านนายวัชระ ในฐานะผู้ร้อง ตั้งข้อสังเกตถึงการทำหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจในคดีนี้ที่มีการทำคดีมาตั้งแต่วันที่ 20 เมษายน 2562 และกลับไม่มีความคืบหน้าใดๆ ทั้งที่ในชั้นสอบสวนพบว่านายสกุลธร เข้าข่ายใช้ผู้ต้องหาที่ 2 หรือนายหน้าในการกระทำความผิด ไม่ได้เป็นผู้เสียหายโดยนิตินัย จึงเรียกร้อง ให้ พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม ผู้บังคับการปราบราม ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวนในคดีนี้ เร่งดำเนินการตามกฎหมาย เพราะมีหลักฐานการสั่งจ่ายสินบน ทั้งที่ออกในนามบริษัท และที่ออกโดยชื่อของนายสกุลธรเอง อย่างชัดเจน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image