เมื่อเวลาประมาณ 22.00 น. วันที่ 21 มกราคม นายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข โพสต์ข้อความทางเฟซบุ๊กถึงชยาวระยองเป็นข้อความสั้นๆ ว่า
“พรุ่งนี้!! ชาวระยองรอฟัง “ข่าวดี” พร้อมกันนะครับ”
ทำให้ผู้ติดตามหลายคนประหลาดใจกับข้อความดังกล่าว ต่างคาดเดากันไปต่างๆ นานา ทั้ง การติดเชื้อที่ลดลงอย่างมาก อาจจะมีการผ่อนปรนมาตรการที่เข้มงวดต่างๆ หรือไม่ หรือจะเป็น ประกาศเรื่องเกี่ยวกับวัคซีนที่โดยก่อนหน้านี้สองวัน เมื่อวันที่ 19 ม.ค. นายสาธิต ออกมาเปิดเผย ว่า ระยองได้ฉีดวัคซีนเร็วสุด ล็อตแรก 2 แสนโดสจากจีน
สำหรับเรื่องวัคซีน ก่อนหน้านี้ นายสาธิต เล่าว่า เรื่อง วัคซีน ว่า วัคซีน ที่ผลิตในโลกนี้ ต้องผ่านการทดลองตามมาตรการ และมีมาตรฐาน ของประเทศและระหว่างประเทศ วัคซีน ที่ประเทศไทย ที่จะได้ ณ ตอนนี้มี 2 บริษัท คือ แอดตร้า เซเนก้า ที่ร่วมมือกับ มหาวิทยาลัยออกซฟอร์ด อังกฤษ (เบื้องต้น 26 ล้านโดสและล็อตหลัง 35 ล้านโดส)และ ชิโนแวค ของประเทศจีน 2ล้านโดส และ วัคซีน ที่จะมาถึงประเทศไทย เร็วสุด คือ เดือนหน้ากุมภาพันธ์ 2 แสนโดส มีนาคม 8 แสน และ เมษา 1 ล้านโดส ( ของชิโนแวค ประเทศจีน ) ระยองเป็นจังหวัดที่มีการระบาดสูงในระลอกใหม่ นี้เป็น หนึ่งในจังหวัดควบคุมสูงสุด เข้มงวดพิเศษ จึงจะได้รับวัคซีน ล็อตแรก 2 แสนจากประเทศจีน และกลุ่มคน ที่คณะกรรมการกระจายวัคซีน มีมติให้ได้ฉีดวัคซีนก่อน คือ 1.บุคลากรทางการแพทย์ เจ้าหน้าที่ที่อยู่ด่านหน้า มีความเสี่ยง และปฏิบัติงานควบคุมป้องกันโรค 2.บุคคลที่มีความเสี่ยง คนอายุ มากกว่า 60 และมีโรคประจำตัว ที่เสี่ยงต่อการเสียชีวิต ถ้าติดโควิด
วัคซีน เป็นเพียงการชะลอการระบาดของโควิด-19 เพราะ มีข้อจำกัดมากมายในเรื่องการกระจายวัคซีน กำลังการผลิตวัคซีนของผู้ผลิต และ เรื่องการระบาดของโรคครับ วัคซีนที่สร้างและฉีดได้เอง คือการป้องกันตัวเอง ด้วย 3 มาตรการหลักของกระทรวงสาธารณสุข ที่แนะนำครับ
