‘เอกชัย’ เผย สขร. สั่งการ ‘ป.ป.ช.’ เปิดข้อมูล ปม ‘นาฬิกายืมเพื่อน’ หลัง ไม่พบเอกสารการยืม

‘เอกชัย’ เผย สขร. สั่งการ ‘ป.ป.ช.’ เปิดข้อมูล ปม ‘นาฬิกายืมเพื่อน’ หลัง ไม่พบเอกสารการยืม

เมื่อวันที่ 25 มกราคม นายเอกชัย หงส์กังวาน นักเคลื่อนไหวทางการเมือง เปิดเผยผ่านเฟซบุ๊ก “เอกชัย หงส์กังวาน” โดยระบุว่า หลังจากที่ ป.ป.ช. วินิจฉัยกรณีนาฬิกายืมเพื่อนของ ประวิตร วงษ์สุวรรณ อย่างน่ากังขา ผมจึงยื่นคำร้องต่อ ป.ป.ช. ให้เปิดเผยเอกสารที่เกี่ยวข้องกับกรณีนี้ เช่น คำชี้แจงของ ประวิตร วงษ์สุวรรณ และหลักฐานการครอบครองนาฬิกาหรูของเพื่อน (ปัฐวาท สุขศรีวงศ์) แต่ ป.ป.ช. ปฏิเสธ โดยอ้างข้อมูลเหล่านี้อาจมีผลต่อความปลอดภัยของบุคคลเหล่านี้

ด้วยเหตุนี้ ผมจึงยื่นคำร้องต่อคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการ เพื่อสั่งการให้ ป.ป.ช. เปิดเผยข้อมูลเหล่านี้เพื่อความโปร่งใสของ ป.ป.ช. ล่าสุดคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการ (สขร.) มีคำสั่งให้ ป.ป.ช. เปิดเผยข้อมูลตามที่ผมขอ โดยปกปิดชื่อ-สกุลของบุคคล

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับข้อมูลดังกล่าว มีรายละเอียดความว่า

คำวินิจฉัยคณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสาร
สาขาสังคม การบริหารราชการแผ่นดินและการบังคับใช้กฎหมาย ที่ สค 1/2546
เรื่อง อุทธรณ์คำสั่งมิให้เปิดเผยข้อมูลข่าวสารของสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ เกี่ยวกับสำนวนการตรวจสอบข้อเท็จจริง

Advertisement

อุทธรณ์เรื่องนี้ได้ความว่า นายเอกชัย หงส์กังวาน ผู้อุทธรณ์ ได้มีหนังสือ ลงวันที่ 30 มกราคม 2563 ถึงสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (สำนักงาน ป.ป.ช.) ขอข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับสำนวนการไต่สวนข้อเท็จจริง กรณีการกล่าวหา พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จงใจยื่นบัญชี แสดงรายการทรัพย์สินอันเป็นเท็จ หรือปกบิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ จำนวน 9 รายการ ดังนี้

รายการที่ 1 คำชี้แจงของพลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ
รายการที่ 2 รายงานการตรวจสอบที่เกี่ยวกับการไต่สวนกรณีนาฬิกาหรูของนายปัฐวาท สุขศรีวงศ์ ทั้งหมด
รายการที่ 3 หลักฐานการครอบครองที่เกี่ยวกับการไต่สวนกรณีนาฬิกาหรูของ นายปัฐวาท สุขศรีวงศ์ ทั้งหมด
รายการที่ 4 รายงานการตรวจสอบที่เกี่ยวกับการไต่สวนกรณีนาฬิกาหรูที่ไม่พบในบ้านของ นายปัฐวาท สุขศรีวงศ์ ทั้งหมด
รายการที่ 5 คำให้การของพยานที่เกี่ยวกับการไต่สวนกรณีนาฬิกาหรูของพลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ ทุกคน
รายการที่ 6 หลักฐานการยืมของพยานที่เกี่ยวข้องกับการไต่สวนกรณีนาฬิกาหรูของ นายปัฐวาท สุขศรีวงศ์ ทั้งหมด
รายการที่ 7 รายงานการแสวงหาข้อเท็จจริง พยานหลักฐานเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการไต่สวนกรณีนาฬิกาหรูทั้งหมด
รายการที่ 8 ความเห็นของพนักงานเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. ที่เกี่ยวกับการไต่สวน กรณีนาฬิกาหรูของพลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ ทุกคน
รายการที่ 9 รายงานการประชุมของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ที่เกี่ยวกับการไต่สวนกรณีนาฬิกาหรูของพลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ ทั้งหมด

สำนักงาน ป.ป.ช. มีหนังสือ ลับ ที่ ปช 0015/ 1006 ลงวันที่ 3 กรกฎาคม 2563 ถึงผู้อุทธรณ์แจ้งว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้วเห็นว่า ข้อมูลข่าวสารทั้ง 9 รายการ เป็นข้อมูลที่เกี่ยวกับเรื่องที่อยู่ระหว่างการดำเนินการตรวจสอบ หากเปิดเผยไปอาจทำให้ทราบถึงแนวทางการตวจสอบ หรือกระทบต่อการรวบรวมพยานหลักฐานในเรื่องซึ่งยังดำเนินการไม่แล้วเสร็จ จึงห้ามมิให้เปิดเผย ตามมาตรา 36 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 และอาจกระทบต่อสิทธิของบุคคลที่เกี่ยวข้อง จึงมีมติมิให้เปิดเผยข้อมูลข่าวสารทั้ง 9 รายการดังกล่าว สำหรับความเห็นของเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ที่เสนอประกอบการพิจารณาของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ซึ่งได้ปกปิดข้อมูลที่อาจมีผลต่อความปลอดภัยของบุคคล นั้น มีมติให้เปิดเผยแก่ผู้อุทธรณ์ทราบได้

Advertisement

ผู้อุทธรณ์มีหนังสือลงวันที่ 27 กรกฎาคม 2563 ถึงประธานกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการ อุทธรณ์คำสั่งไม่เปิดเผยข้อมูลข่าวสารของสำนักงาน ป.ป.ช. ดังกล่าว

ในชั้นพิจารณาของคณะกรรมการวินิจฉัย การเปิดเผยข้อมูลข่าวสารสาขาสังคม การบริหารราชการแผ่นดินและการบังคับใช้กฎหมาย ผู้แทนสำนักงาน ป.ป.ช. ได้นำข้อมูลข่าวสาร ตามอุทธรณ์มาให้คณะกรรมการวินิจฉัยฯ ตรวจดูเพื่อประกอบการพิจารณา พร้อมทั้งชี้แจงข้อเท็จจริงและเหตุผลการปฏิเสธการเปิดเผย สรุปความได้ว่า

กรณีการกล่าวหาร้องเรียน พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ปัจจุบันมีจำนวน 3 เรื่อง ได้แก่

1. กรณีกล่าวหาว่าจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริง ที่ควรแจ้งให้ทราบ

2. กรณีกล่าวหาเป็นเจ้าพนักงานของรัฐรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดอันอาจ คำนวณเป็นเงินได้
และ 3 กรณีกล่าวหาว่ามีพฤติการณ์ร่ำรวยผิดปกติ

แม้ว่าการตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีการกล่าวหาจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้พิจารณาเสร็จเรียบร้อยแล้ว โดยเห็นว่ากรณีดังกล่าวยังไม่มีมูลเพียงพอว่า ผู้ถูกกล่าวหาจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินด้วยข้อความอันเป็นเท็จ จึงไม่รับเรื่องดังกล่าวไว้ดำเนินการไต่สวน

แต่เนื่องจากเอกสารเกี่ยวกับการแสวงหาข้อเท็จจริง และรวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องในกรณีกล่าวหาเรื่องนี้ สำนักงาน ป.ป.ช. ได้นำไปเป็นพยานหลักฐานในสำนวนการแสวงหาข้อเท็จจริงในกรณีเป็นเจ้าพนักงานของรัฐรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดอันอาจคำนวณป็นเงินได้ และกรณีกล่าวหาว่ามีพฤติการณ์ร่ำรวยผิดปกติด้วย ขณะนี้ อยู่ระหว่างการพิจารณาและแสวงหาข้อเท็จจริงซึ่งยังดำเนินการไม่แล้วเสร็จ การเปิดเผยอาจกระทบต่อการตรวจสอบข้อเท็จจริงของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ดังนั้น ข้อมูลข่าวสารตามคำขอของผู้อุทธรณ์ ทั้ง 9 รายการ จึงไม่สามารถเปิดเผยให้ผู้อุทธรณ์ทราบได้

สำหรับข้อมูลข่าวสารตามคำขอของผู้อุทธรณ์ในรายการที่ 2 รายงานการตรวจสอบ ที่เกี่ยวกับการไต่สวนกรณีนาฬิกาหรูของ นายปัฐวาท สุขศรีวงศ์ ทั้งหมด รายการที่ 7 รายงานการแสวงหาข้อเท็จจริง พยานหลักฐานเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการไต่สวนกรณีนาฬิกาหรูทั้งหมด และรายการที่ 8 ความเห็นของพนักงานจ้าหน้าที่ ป.ป.ช ที่เกี่ยวกับการไต่สวนกรณีนาฬิกาหรูของพลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ ทุกคน เอกสารทั้ง 3 รายการนี้ข้อเท็จจริงคือ รายงานผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีกล่าวหาร้องเรียน พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ว่าจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ

ส่วนข้อมูลข่าวสารตามคำขอของผู้อุทธรณ์ในรายการที่ 3 หลักฐานการครอบครองที่เกี่ยวกับการไต่สวนกรณีนาฬิกหรูของ นายปัฐวาท สุขศรีวงศ์ ทั้งหมด และรายการที่ 4 รายงานการตรวจสอบที่เกี่ยวกัการไต่สวนกรณีนาฬิกหรูที่ไม่พบในบ้านของ นายปัฐวาท สุขศรีวงศ์ ทั้งหมด ข้อมูลข่าวสารดังกล่าวจะปรากฏอยู่ในคำให้การของพยาน และข้อมูลข่าวสาร ตามคำขอของผู้อุทธรณ์ในรายการที่ 6 หลักฐานการยืมของพยานที่เกี่ยวข้องกับการไต่สวนกรณีนาฬิกาหรูของ นายปัฐวาท สุขศรีวงศ์ ทั้งหมด แจ้งว่าไม่มีเอกสารดังกล่าวแต่อย่างใด

คณะกรรมการวินิจฉัยการปิดเผยข้อมูลข่าวสารสาขาสังคม การบริหารราชการแผ่นดินและการบังคับใช้กฎหมาย พิจารณาแล้วเห็นว่า ข้อมูลข่าวสารตามคำขอของผู้อุทธรณ์เกี่ยวกับ สำนวนการไต่สวนข้อเท็จจริง กรณีการกล่าวหาพลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรงกลาโหม จงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ ข้อเท็จจริงปรากฏตามคำชี้แจงของผู้แทนสำนักงาน ป.ป.ช. ว่าข้อมูล ข่าวสารดังกล่วมีจำนวน 4 รายการ ได้แก่

รายการที่ 1 คำชี้แจงของพลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ
รายการที่ 2 คำให้การของพยานบุคคล
รายการที่ 3 รายงานผลการตรวจสอบข้อเท็จจริง และ
รายการที่ 4 รายงานการประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช.

กรณีนี้ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่าคณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้พิจารณาเรื่องร้องเรียนกล่าวหาดังกล่าวเสร็จสิ้นแล้ว โดยเห็นว่ายังไม่มีมูลเพียงพอว่า ผู้ถูกกล่าวหาจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินด้วยข้อความอันเป็นเท็จ จึงมีมติไม่รับเรื่องดังกล่าวไว้ดำเนินการไต่สวนข้อเท็จจริง

ส่วนกรณีการกล่าวหาร้องเรียนอีก 2 เรื่อง ได้แก่ กรณีกล่าวหาว่าเป็นเจ้าพนักงานของรัฐรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดอันอาจคำนวณเป็นเงินได้ และกรณีกล่าวหาว่ามีพฤติการณ์ร่ำรวยผิดปกติ ผู้แทนสำนักงาน ป.ป.ช. แจ้งว่าได้นำสำนวนการพิจารณา กรณีกล่าวหาว่าจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริง ไปใช้ในการพิจารณา สำนวนกรณีกล่าวหาว่ารับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดอันอาจคำนวณเป็นเงินได้ และกรณีกล่าวหาว่า มีพฤติการณ์ร่ำรวยผิดปกติ

อย่างไรก็ตาม สำนวนการพิจารณาทั้ง 2 กรณีเป็นคนละมูลกรณีกับการกล่าวหาว่าจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริง ซึ่งกระบวนการ แสวงหาข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานในแต่ละคดี รวมทั้งการพิจารณาชั่งน้ำหนักพยานหลักฐานย่อมมีความแตกต่างกัน ไม่ได้จำกัดเฉพาะพยานหลักฐานในสำนวนเรื่องนี้เท่านั้น

การเปิดเผยข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับสำนวนการตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อเท็จจริงได้ดำเนินการเสร็จสิ้นไปแล้วย่อมไม่กระทบต่อการแสวงหาข้อเท็จจริงของ คณะกรรมการ ป.ป.ช. อันจะทำให้การบังคับใช้กฎหมายในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการป้องกัน และปราบปรามการทุจริตเสื่อมประสิทธิภาพหรือไม่อาจสำเร็จตามวัตถุประสงค์ ตามมาตรา 15(2) แห่งพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ.2540 แต่อย่างใด และการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารดังกล่าวจะแสดงให้เห็นถึงความโปร่งใสและตรวจสอบได้ อันจะทำให้เกิดความน่าเชื่อถือในการปฏิบัติหน้ที่ของคณะกรรมการ ป.ป.ช.

ดังนั้น เมื่อพิเคราะห์ถึงการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายของหน่วยงานของรัฐ ประโยชน์สาธารณะและประโยชน์ของเอกชนที่เกี่ยวข้องประกอบกันแล้ว เห็นว่า ข้อมูลข่าวสารดังกล่าวเปิดเผยให้ผู้อุทธรณ์ทราบได้ ยกเว้นข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคลและข้อมูลข่าวสารในขอบเขตสิทธิส่วนบุคคล ได้แก่ ชื่อ นามสกุล ที่อยู่ หมายเลขโทรศัพท์ ลายมือชื่อ หมายเลขประจำตัวประชาชน ชื่อบิดา มารดา ของพยานที่ปรากฎในบันทึกการให้ถ้อยคำของพยาน รวมทั้งข้อความที่อาจทำให้ทราบได้ว่าบุคคลใดเป็นผู้ให้ถ้อยคำ เนื่องจากผู้อุทธรณ์ไม่ได้แสดงเหตุผล ให้มีน้ำหนักเพียงพอว่าการได้ข้อมูลข่าวสารดังกล่าว จำเป็นต่อการคุ้มครองสิทธิของผู้อุทธรณ์อย่างไร

การเปิดเผยจะเป็นการรุกล้ำสิทธิส่วนบุคคลโดยไม่สมควร ตามมาตรา 15 (5 แห่งพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ.2540 ประกอบกับการเปิดเผยจะทำให้พยานบุคคลเกิดความไม่เชื่อมั่นในเรื่องความปลอดภัยของสิทธิเสรีภาพส่วนบุคคล และการประกอบอาชีพจากการให้ถ้อยคำ และทำให้ต่อไปไม่มีผู้ใดกล้าให้ข้อมูลข้อเท็จจริง ต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ในการป้องกันและปราบปรามการทุจริต จึงให้ปกปิดข้อมูลในส่วนนี้ไว้

ส่วนข้อมูลข่าวสารรายการที่ 6 (ตามคำขอของผู้อุทธรณ์) หลักฐานการยืมของพยาน ที่เกี่ยวข้องกับการไต่สวนกรณีนาฬิกาหรูของ นายปัฐวาท สุขศรีวงศ์ ข้อเท็จจริงปรากฎตามคำชี้แจงของ สำนักงาน ป.ป.ช. ว่าไม่มีเอกสารดังกล่าว กรณีจึงไม่มีเอกสารอันเป็นวัตถุแห่งการพิจารณาวินิจฉัย ที่คณะกรรมการวินิฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารจะรับไว้พิจารณาได้ ดังนั้น จึงไม่มีประเด็นต้องวินิจฉัย อย่างไรก็ตาม หากผู้อุทธรณ์ไม่เชื่อว่าเป็นความจริง สามารถใช้สิทธิร้องเรียนต่อคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการตามมาตรา 33 ประกอบมาตรา 13 แห่งพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ.2540 เพื่อขอให้ตรวจสอบความมีอยู่ของข้อมูลข่าวสารดังกล่าวได้

ฉะนั้น อาศัยอำนาจตามมาตรา 35 แห่งพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ.2540 คณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารสาขาสังคม การบริหารราชการแผ่นดินและการบังคับใช้กฎหมาย จึงวินิจฉัยให้สำนักงาน ป.ป.ช. เปิดเผยข้อมูลข่าวสารรายการที่ 1 คำชี้แจงของพลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รายการที่ 2 คำให้การของพยานบุคคล รายการที่ 3รายงานผลการตรวจสอบข้อเท็จจริง และรายการที่ 4 รายงานการประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช.

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image