3 เป้าหมาย 3 คนสำคัญ 3 ป. ขุดคุ้ย เปิดโปง โจมตี ทำลาย
ไม่ว่าใครก็ตามที่เป็นคนเขียน ‘ญัตติ’ ขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติ ไม่ไว้วางใจ ที่ นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์และคณะยื่นไปยังประธานสภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันที่ 25 มกราคม
ต้องยอมรับว่าเฉียบขาด มั่นคงและฝาก ‘รอยแผล’ ให้กับ 10 รัฐ มนตรีตั้งแต่ยังไม่ลงมือ ‘อภิปราย’
โดยเฉพาะ 3 เป้าใหญ่ 3 เป้าสำคัญ 1 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีกลาโหม 1 พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี 1 พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีมหาดไทย
3 คนนี้แหละ ‘ของจริง เป้าจริง’ ขณะที่อีก 7 คนเสมอเป็นเพียง องค์ประกอบ เสมอเป็นเพียงเครื่องเคียงเพื่อสะท้อนให้เห็นว่าเหตุใดจึงเติมเต็มความเข้มไปยัง 3 คน 3 ป.
“บริหารราชการแผ่นดินล้มเหลว ผิดพลาดบกพร่องอย่างร้ายแรง ไร้ประสิทธิภาพ ไร้ภูมิปัญญา ไร้ความสามารถ ไร้คุณธรรม จริยธรรม ไร้ภาวะผู้นำ ไร้จิตสำนึกและความรับผิดชอบ”
เพียงสัมผัสที่เกริ่นนำต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แฟนานุ แฟนก็ซี้ดปากดังสนั่นไปทั้ง 4 มุมมเมือง
กระทำการอันเป็นการขัดกันแห่งผลประโยชน์ สร้างความแตกแยกในสังคม ใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือในการแสวงหาผลประโยชน์และทำลายผู้เห็นต่าง
ปิดกั้นเสรีภาพในการแสดงออกของประชาชนและสื่อมวลชน
ปล่อยปละละเลยให้มีบ่อนการพนันกระจายไปทั่ว ไม่ยึดมั่นและศรัทธาในการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
ทำลายและเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตย ทำลายความสัมพันธ์อันดีระหว่างสถาบันพระมหากษัตริย์กับประชา ชน แอบอ้างสถาบันพระมหากษัตริย์มาเป็นเกราะปิดบังความผิด พลาด ล้มเหลวในการบริหารราชการแผ่นดินของตนเอง
ละเมิดหลักนิติรัฐ นิติธรรมและสิทธิมนุษยชน ทำลายระบอบคุณธรรมในระบบราชการ แทรกแซงกระบวนการยุติธรรม
ไม่ว่าในที่สุดฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านจะตกลงกันว่าจะอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจเมื่อใด และกำหนดกี่วัน แต่ก็เชื่อได้เลยว่าสถานการณ์ครั้งนี้จะร้อนแรงเป็นอย่างสูง
ร้อนแรงไปตามการแปร ‘นามธรรม’ ที่กล่าวหา ออกมาให้เห็น อย่างเป็น ‘รูปธรรม’ ณ เบื้องหน้าประชาชน
