เลขา ครป. แนะเก็บภาษีทรัพย์สินมหาเศรษฐี อัตราก้าวหน้า ทำรายได้เพิ่มกว่า 2 แสนล้าน

เลขา ครป. แนะเก็บภาษีทรัพย์สินมหาเศรษฐี อัตราก้าวหน้า ทำรายได้เพิ่มกว่า 2 แสนล้าน งง มาตรการสกัดโควิดเลือกปฏิบัติ

เมื่อวันที่ 26 มกราคม นายเมธา มาสขาว เลขาธิการคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) กล่าวถึงข้อเสนอต่อรัฐบาลในสถานการณ์โควิดว่า จากปัญหาการแพร่ระบาดของโควิดและวิกฤตความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นใจกลางปัญหาหลักเรื่องปากท้องของพี่น้องประชาชนในขณะนี้ ที่ได้รับผลกระทบ ตกงานและว่างงานจำนวนมาก ตนมีความเห็นต่อรัฐบาลในการบริหารราชการแผ่นดิน คือ รัฐบาลจะต้องสร้างความโปร่งใสในการบริหารราชการแผ่นดินในสถานการณ์วิกฤตอย่างตรงไปตรงมา และตรวจสอบได้ทุกโครงการ อย่าฉวยโอกาสใช้วิกฤตสังคมเอื้อประโยชน์ส่วนตน โดยเฉพาะในโครงการพัฒนาขนาดใหญ่ของรัฐ การสัมปทานโครงการและการร่วมทุนกับเอกชนรายต่างๆ

“เท่าที่ติดตามอยู่ในขณะนี้ น่าจะมีการทุจริตคอร์รัปชั่นเชิงนโยบายและฮั้วกับเอกชนรายใหญ่หลายราย และรอวันปะทุกลายเป็นความขัดแย้งหากรัฐบาลไม่เร่งแก้ไขและแสดงความโปร่งใสตามหลักธรรมาภิบาล การขยายการบังคับใช้อำนาจตามพรก.ฉุกเฉินฯ กลายเป็นเพียงข้ออ้างในการคอร์รัปชันอำนาจและยื้อเวลาเท่านั้นหรือไม่ ทำไม พล.อ.ประยุทธ์ อยู่ในอำนาจมากว่า 7 ปี ไม่มีอะไรที่พัฒนาดีขึ้นแต่กลับถอยหลังลงคลอง และขณะที่ประเทศเจอวิกฤตใหญ่กลับไร้ความสามารถในการแก้ไขปัญหาอย่างมืออาชีพ แต่ใช้เงินซื้ออำนาจและซื้อเวลาอย่างเดียว

“สถานการณ์โควิดทำให้ประชาชนที่ยากไร้ได้รับผลกระทบจำนวนมาก โดยเฉพาะภาคแรงงานหลายสิบล้านคนทั้งในระบบและนอกระบบ ได้รับผลกระทบกันถ้วนหน้า แต่นโยบายการแก้ปัญหาและการเยียวยากลับเลือกปฏิบัติ ดูไม่ชัดเจนเหมือนรอบแรก มาตรการการสั่งห้ามร้านอาหาร ทำให้ร้านอาหารต้องปิดตัวลงจำนวนมาก เพราะเวลาเปิด-ปิดและการห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ไม่สัมพันธ์กันและไม่สมเหตุสมผลต่อการแก้ปัญหา เนื่องจาก โรคระบาดรอบสองไม่ได้ติดมากับเหล้า แต่มาจากบ่อนการพนันและธุรกิจสีเทาจากการค้าแรงงานข้ามชาติ

Advertisement

“นอกจากนี้ ยังสร้างความยุ่งยากในการชดเชยเยียวยาแก่ภาคแรงงาน เพราะไม่สามารถขอชดเชยกับประกันสังคมได้ เนื่องจากหากจดทะเบียนเป็นร้านอาหารแล้วก็ไม่ได้ถูกรัฐบาลสั่งปิดโดยตรง แต่ถูกอ้างว่าปิดเองเพราะไม่สามารถค้าขายได้ โดยเฉพาะร้านอาหารกลางคืนที่มีนักดนตรีซึ่งทำงานแบบฟรีแลนซ์แต่ถือเป็นอาชีพประจำ ส่วนแรงงานสถานบันเทิงที่ถูกปิดโดยตรงก็ไม่สามารถยื่นขอชดเชยจากประกันสังคมได้เหมือนรอบแรก ต้องให้นายจ้างทำการยื่นให้เท่านั้น ซึ่งนายจ้างก็ต้องให้ลูกจ้างมาที่ออฟฟิศเพื่อเซ็นเอกสารต่างๆ ในสถานประกอบการ และต้องไปยื่นประกันสังคมอีกทีหลายขั้นตอน

“นี่ไม่ได้แก้ปัญหาว่าด้วยการรักษาระยะห่างและลดการชุมนุมทางสังคมแต่อย่างใด สุดท้ายเขาไม่ได้รับการเยียวยาจากประกันสังคม เพราะมาตรการหลายอย่างคลุมเคลือ เหมือนเป็นมาตรการแทงกั๊ก ไม่ชัดเจน ลอยแพและเลี้ยงไข้ประชาชน จนดูเหมือนรัฐบาลใช้ประโยชน์จากโควิดเพื่อผลประโยชน์ทางการเมืองหรือไม่ ถ้าใช่ก็ดูถูกประชาชนมากๆ” นายเมธากล่าว

นายเมธากล่าวว่า ปัญหาหลักของผู้ได้รับผลกระทบส่วนใหญ่คือค่าเช่าและหนี้สินต่างๆ ที่ต้องจ่ายรายเดือน แรงงานรับจ้างส่วนใหญ่ที่เป็นมนุษย์เงินเดือนต้องเช่าห้องอยู่ ดีขึ้นมาหน่อยก็ผ่อนบ้านผ่อนรถ ทุกสิ้นเดือนต้องจ่ายค่าเช่าต่างๆ เหล่านี้ เมื่อตกงานก็มีหนี้สะสมจนเกิดวิกฤตความเครียด เมื่อจนปัญญาถ้าไม่เลือกฆ่าตัวตายจบปัญหาก็เลือกกลับบ้านสำหรับคนที่มีบ้านเกิดต่างจังหวัด เพื่อกลับไปหาหลังพิงภาคเกษตรกรรม เพื่ออย่างน้อยก็มีข้าวกิน แต่รัฐบาลก็ยังไม่มีนโยบายดูแลหลังพิงเหล่านี้ให้ยั่งยืนได้ ซ้ำร้ายธุรกิจต่างๆ ที่ย่ำแย่และที่ดินที่เป็นรากฐานสำคัญก็จะถูกโอนย้ายถ่ายโอนไปสื่อมือนายทุนผูกขาดและนักธุรกิจต่างชาติที่ทยอยมาช้อนซื้อสินทรัพย์ต่างๆ ในเวลานี้ การช่วยเหลือโดยการให้เงินหมุนเวียนอย่างเดียวช่วยฉุดรั้งเศรษฐกิจคนข้างล่างได้เพียงชั่วคราวเพื่อไหลเวียนไปสู่มือทุนผูกขาดที่อยู่ข้างบนอีกทีในระบบเศรษฐกิจทุนนิยมเสรี รัฐบาลควรมีมาตรการเยียวยาและแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างมากกว่านี้ เช่น การพักชำระหนี้จากสถาบันทางการเงินต่างๆ โดยไม่มีดอกเบี้ย เว้นวรรคไปเลย 3 เดือน

Advertisement

“ผมขอเสนอให้ คณะรัฐมนตรีและผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในรัฐบาลควรแสดงเป็นตัวอย่างให้ประชาชนเห็นความจริงใจในการแก้ไขปัญหา เช่น คณะรัฐมนตรีควรงดรับเงินเดือนชั่วคราวได้หรือไม่ นายพลทั้งหลายทั้งตำรวจและทหารทำเป็นตัวอย่างก่อนได้ไหม สถานการณ์ฉุกเฉินแต่ถ้ารัฐบาลไม่ทำอะไรแบบพิเศษจริงๆ เพื่อแก้ไขปัญหาโครงสร้าง ก็ควรจะรณรงค์ให้ประชาชนงดเว้นการจ่ายภาษีเงินได้ในปีนี้เพื่อไม่ให้รัฐบาลเอาไปผลาญงบประมาณเล่นโดยไม่เกิดประโยชน์อีกต่อไป

“สุดท้ายเรื่องสำคัญ รัฐบาลจะต้องกระจายสินค้าและควบคุมปัจจัยสี่ สินค้าอุปโภค-บริโภคทั้งหลาย จะต้องกระจายโดยไม่ผูกขาดกับเจ้าสัว สร้างการกระจายรายได้ที่เป็นธรรมกับประชาชนในประเทศ ในสถานการณ์นี้ รัฐบาลควรออกกฎหมายพิเศษเพื่อเก็บภาษีทรัพย์สินคนรวยที่มีรายได้มากกว่า 10,000 ล้านบาทขึ้นไปเป็นการเฉพาะกิจ เพื่อแบ่งปันรายได้และทรัพย์สินที่พวกเขาสะสมความมั่งคั่งสร้างความเหลื่อมล้ำมาตลอดหลายปี โดยการอุ้มชูของรัฐและกฎหมายมาอย่างยาวนาน จนประเทศนี้แทบจะไม่เหลืออะไรให้ผู้ยากไร้ได้ลืมตาอ้าปาก โดยการเก็บภาษีทรัพย์สินในอัตราก้าวหน้าอย่างน้อย 3.5% ของทรัพย์สิน ซึ่งจะทำให้เราจะมีรายได้เพิ่มมากกว่าปีละ 2 แสนล้านบาท

“ถึงเวลาที่รัฐบาลต้องแก้ไขเรื่องเศรษฐกิจเชิงโครงสร้าง ที่รัฐบาลทั้งหลายเอื้อประโยชน์ให้เกิดค่าเช่าทางเศรษฐกิจเหล่านี้มายาวนานจนประเทศเกิดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจติดอันดับหนึ่งของโลก รัฐบาลประชารัฐควรออกมารับผิดชอบสังคมร่วมกันเสียที ไม่ใช่เว้นไว้เพราะบางคนกลายเป็นกระเป๋าเงินของรัฐบาลเพื่อทำธุรกิจการเมือง เพราะถ้าคนอ้วนแบ่งอาหารให้คนผอม ชีวิตเขาจะยืนยาวทั้งคู่” นายเมธากล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image