‘จตุพร’ ชี้ ประเทศถูกครอบงำเบ็ดเสร็จ ฝ่ายค้านยังฝากอนาคตไม่ได้ รัฐหูทวนลมทำ ปชช.ทนไม่ไหว

‘จตุพร’ ชี้ ประเทศถูกครอบงำเบ็ดเสร็จ ฝ่ายค้านยังฝากอนาคตไม่ได้ รัฐหูทวนลมทำ ปชช.ทนไม่ไหว

เมื่อวันที่ 26 มกราคม นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เฟชบุ๊กไลฟ์ peace talk ในประเด็นสถานการณ์ทางการเมืองปัจจุบัน โดยกล่าวตอนหนึ่งว่า ถ้าประชาชนฝากความหวังการเปลี่ยนแปลงบ้านเมืองกับรัฐบาลและฝ่ายค้านไม่ได้แล้ว วันลุกขึ้นของประชาชนเพื่อกำหนดชะตากรรมประเทศคงใกล้มาถึงทุกขณะ และคงอีกไม่นาน

นายจตุพรกล่าวว่า เนื่องจากการปฏิรูปที่รัฐบาลสัญญามาตลอดนั้นไม่เคยทำได้สำเร็จ เนื่องจากไม่ว่าประเทศจะปกครองด้วยเผด็จการหรือประชาธิปไตยก็ตาม ล้วนเป็นระบอบต่อการเอื้อให้ทุนผูกขาดมาครอบครองผลประโยชน์ชาติบ้านเมืองทั้งสิ้น ดังนั้น การปกครองแบบใดก็ตามก็เป็นสิ่งจอมปลอม เพราะผู้มีอำนาจคิดแต่เรื่องส่วนตัว ไม่คิดจะแก้ปัญหาของชาติอย่างจริงจัง

“เมื่อการเมืองหนีสิ่งหนึ่งก็ไปเจอกับอีกสิ่งหนึ่ง ซึ่งเลวร้ายไม่ต่างกัน จึงทำให้เห็นว่าประเทศจะเกิดการเปลี่ยนแปลงยาก แม้ประชาชนตั้งความหวังให้เกิดการเปลี่ยนแปลง แต่ฝ่ายเอกชนกลับได้รับสัมปทานและครองประโยชน์ของชาติได้เบ็ดเสร็จยิ่งขึ้น

Advertisement

“ด้วยเหตุนี้ คาดว่าสถานการณ์ในวันนี้ ประชาชนมีความทุกข์เพิ่มทวียิ่งขึ้น เพราะรัฐบาลดูเหมือนปกครองประชาชนได้เบ็ดเสร็จ และไม่กลัวประชาชนจะลุกขึ้นมาต่อต้านใดๆ จึงไม่ให้เกียรติ ไม่เคารพ เนื่องจากคิดว่า ประชาชนเป็นของตายจะทำอะไรก็ได้” นายจตุพรกล่าว

นายจตุพรกล่าวว่า ดังนั้น ระบบการปกครองแบบนี้จึงเป็นปัญหา เชื่อว่าความอดทนของประชาชนจะเหลือน้อยลงตามลำดับ และมองไม่เห็นว่ารัฐบาลจะสร้างอนาคตได้อย่างไร อีกทั้งถ้าฝ่ายค้านอภิปรายไม่ไว้วางใจต้องทำให้คนมีความหวังในการเปลี่ยนแปลง โดยเน้นถึงสิ่งที่รัฐบาลทำผิดกฎหมายจนประชาชนอดทนไม่ได้ แล้วออกมารับไม้กดดันกันต่อไป

“วันนี้เป็นเรื่องของความจนกับคนรวย เป็นเรื่องระหว่างสิ่งถูกต้องและไม่ถูกต้อง โดยสถานการณ์จะเปลี่ยนแบบพลิกหน้ามือเป็นหลังมือ แล้วปรากฎการณ์ครั้งนี้จะเป็นการร่วมมือของประชาชนทุกฝ่าย นอกจากนี้ การที่รัฐบาลบริหารประเทศจนเกิดความเดือดร้อนนั้นจะเป็นการสร้างความปรองดองของคนในชาติ เกิดสามัคคีขับไล่รัฐบาล แต่ถ้าฝ่ายค้านทำให้ผิดหวังด้วยแล้ว คงจะถูกประชาชนออกมาไล่เช่นกัน

Advertisement

“ดังนั้น การอภิปรายฯ ครั้งนี้ต้องเน้นชี้ให้ประชาชนเห็นว่ารัฐบาลล้มเหลว จนจะอยู่ในอำนาจต่อไปไม่ได้อีกแล้ว นั่นเท่ากับคนจะอยู่ในบ้านไม่ได้ ต้องออกมากดดันไม่ให้รัฐบาลได้อยู่ต่อไปเพราะหมดความชอบธรรม” นายจตุพรกล่าว

นายจตุพรกล่าวต่อว่า รัฐบาลขณะนี้ทำเป็นหูทวนลม เพิกเฉยไม่ได้ยินเสียงประชาชนในเรื่องการเยียวยาผ่านมือถือ ทั้งที่คนต้องการเงินสด จนทำให้คนสงสัยว่า ต้องการอะไรกันแน่ หรือจงใจจะเอาก้อนหินจากประชาชน อยากรู้ว่าคิดอะไร หรือคิดเกมการเมือง หรือไม่เข้าใจ หรืออยากมีเรื่อง

“รอบนี้จะเกิดการสามัคคีประชาชน เพราะรัฐบาลเย่อหยิ่งจองหองกันเกินไป ซึ่งรัฐบาลจะพังพาบกันได้ โดยท่าทีเช่นนี้ยิ่งทำให้ประชาชนอดทนไม่ไหวกันอีก เมื่อยิ่งเดือดร้อน แต่รัฐบาลกลับใช้ พรก.ฉุกเฉินปกครองกันมาเป็นปีๆ อีกอย่างกลไกรัฐบกพร่องจนเกิดการแพร่เชื้อโควิด แต่รัฐบาลกลับไม่เคยขอโทษประชาชนสักคำ เหตุการณ์ต่างๆดังกล่าวนั้น ถ้าฝ่ายค้านขยายการทุจริตแล้ว ประชาชนจะตอกย้ำรายละเอียดอีกครั้ง หากทำไม่ได้ก็เป็นหน้าที่ของประชาชน นอกจากนี้ อภิปรายครั้งนี้มีความน่าสงสัยว่า ทำไมไม่แตะกระทรวงพลังงานทั้งที่เป็นกระทรวงอันดับ 1 ใครๆ ก็ต้องการไปเป็นรัฐมนตรี

“สิ่งที่น่าสนใจคือ กระทรวงพลังงานเดินเกมการเมืองแบบดูแลทุกฝ่ายเบ็ดเสร็จ จึงทำให้รอดจากการถูกอภิปรายฯครั้งนี้ ดังนั้น สิ่งนี้เป็นหลักคิดในการดูแลสองซีกและเป็นการสมคบคิดเกิดผลประโยชน์ทับซ้อนทางการเมือง

“ถ้าประเทศไม่เปลี่ยนแปลงก็จะเจอคนแบบกระทรวงพลังงานมาจัดการผลประโยชน์ของชาติ แล้วชาติจะเหลืออะไร ดังนั้น ขณะนี้ประเทศจึงถูกครอบงำเบ็ดเสร็จแล้ว จึงต้องเป็นหน้าที่ของประชาชนที่จะลุกขึ้นมา เพราะเราฝากความหวังทางการเมืองกับฝ่ายใดไม่ได้เลย” นายจตุพรกล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image