วิรัช เผยบ่ายนี้ นัดถกร่วมวิปฝ่ายค้านแก้ญัตติหรือไม่ มั่นใจซักฟอก 4 วันพอแล้ว
เมื่อเวลา 09.30 น.วันที่ 28 มกราคม ที่รัฐสภา นายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้ากรณีเสนอให้มีการแก้ญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจของฝ่ายค้าน ว่า วันนี้เวลา 14.00 น. นายศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาฯคนที่สอง จะนัดหารือกับผู้นำฝ่ายค้าน วิปฝ่ายค้าน และวิปรัฐบาลที่นำโดยตนและนายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะรองประธานวิปรัฐบาล โดยมีนายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯเข้าร่วมประชุมด้วย ซึ่งยืนยันว่าจะเสนอให้มีการแก้ญัตติ ส่วนจะแก้หรือไม่ก็แล้วแต่ทางผู้ยื่นญัตติจะพิจารณา แต่ก็จะทำให้การอภิปรายเป็นไปด้วยความยากลำบาก หากไม่มีการแก้ไข
เมื่อถามว่า เกรงหรือไม่ว่าหากไม่มีการแก้ไขแล้วเมื่อเปิดการอภิปรายฯก็จะมีคนลุกขึ้นประท้วงทันที นายวิรัช กล่าวว่า ต้องถามนายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ และส.ส.อีกหลายคนที่ทุกคนมีความกังวลว่าสมควรหรือไม่ที่จะเขียนญัตติลักษณะเช่นนั้น ทั้งที่ข้อบังคับการประชุมและกฎหมายรัฐธรรมนูญระบุว่าการจะกล่าวถึงพระมหากษัตริย์เป็นเรื่องที่ไม่บังควร
ส่วนที่ พรรคก้าวไกล มองว่าไม่ขัดต่อข้อบังคับนั้น ความคิดของพรรคก้าวไกลไม่ได้ผูกพันทุกองค์กร ผูกพันเฉพาะพรรคก้าวไกลพรรคเดียว ซึ่งพรรคร่วมรัฐบาลยังยืนยันว่าสิ่งที่ทำนั้นไม่ถูกต้อง จึงได้ทำการทักท้วง แต่เมื่อไม่มีการปฏิบัติตามเราก็ขอให้ทำตามข้อบังคับของการประชุม คาดว่าจะได้ผลสรุปที่ชัดเจนในช่วงบ่ายวันนี้
นายวิรัช กล่าวว่า ส่วนเรื่องกรอบเวลาการอภิปรายฯนั้นได้หารือเบื้องต้นแล้ว คาดว่าใช้เวลา 4 วัน และคงขอเพิ่มมากว่านี้คงไม่ได้ คิดว่าน่าจะเพียงพอ และพอดีแล้ว เพราะสัดส่วนเวลาของแต่ละที่ได้รับไปหากใช้อย่างเต็มที่ก็มีเวลาเหลือเฟือ แต่ถ้ามีประเด็นว่ามีเอกสารประกอบการอภิปรายก็ควรมีเวลาให้ประธานสภาฯได้ตรวจพิจารณา ก่อนว่าเอกสารที่ได้มานั้นถูกต้องหรือไม่ และมีการรับรองจากหน่วยงานของรัฐถูกต้องหรือไม่ ถ้าไปยื่นวันอภิปรายก็จะไม่ทราบที่มาที่ไปของเอกสาร จึงขอให้ส่งเอกสารตรวจสอบก่อน
เมื่อถามว่า ขณะนี้มีการตั้งทีมเพื่อเตรียมข้อมูลมาหักล้างฝ่ายค้านและปกป้องรัฐมนตรีในส่วนของพรรคพลังประชารัฐหรือไม่ นายวิรัช กล่าวว่า จากการสอบถามรัฐมนตรีที่มีชื่อถูกอภิปรายฯ ได้รับการยืนยันว่าทุกคนได้มีการเตรียมข้อมูลตามข้อกล่าวหาและข้อมูลทุกเรื่องที่คิดว่าจะมีการพูดถึง ดังนั้น การจะมีองครักษ์หรือไม่นั้นก็ต้องทำ แต่ทำในอีกรูปแบบหนึ่งเพราะในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 จะไปจัดการประชุมสัมมนาเหมือนที่ผ่านมาไม่ได้ อาจเป็นลักษณะแบ่งกลุ่มย่อยเพื่อปกป้องดูแลและตรวจสอบเอกสารของรัฐมนตรีแต่ละคนถ้ามี
