เมื่อวันที่ 29 มกราคม รายงานข่าวแจ้งว่า พนักงานสอบสวน สน.ปทุมวัน ได้ควบคุมตัว นายวีรยุทธ สัมฤทธิ์เรืองศรี นายพรชัย ประกาพวง และนายณัฐสุต ศิริอัฐ ผู้ต้องหาร่วมกันก่อเหตุปาระเบิดใส่ตำรวจควบคุมฝูงชน ขณะปฏิบัติหน้าที่ดูแลการชุมนุมอยู่บริเวณหน้าอาคารจามจุรีสแควร์ ไปฝากขังต่อศาลอาญากรุงเทพใต้ ภายหลังสอบปากคำเสร็จสิ้น
โดย พ.ต.อ.พันษา อมราพิทักษ์ ผกก.สน.ปทุมวัน กล่าวว่า เมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา พนักงานสอบสวน สน.ปทุมวัน ได้สอบปากคำผู้ต้องหาทั้ง 3 คนเสร็จสิ้น จึงเปลี่ยนกำหนดการคุมตัวไปขออำนาจฝากขังที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ภายในวันนี้ทันที จากเดิมที่วางแผนไว้ว่าจะส่งตัวในวันพรุ่งนี้ (30 มกราคม) ช่วงเวลา 11.00น. ซึ่งพนักงานสอบสวน ได้ยื่นการคัดค้านการประกันตัวไว้ก่อน ก็อยู่ที่ดุลพินิจของศาลว่าจะอนุญาตให้ประกันตัวหรือไม่
ต่อมาที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ พนักงานสอบสวน สน.ปทุมวัน คุมตัว นายพรชัย ประกาพวงอายุ 24 ปี
นายณัฐสุต ศิริอัฐ อายุ 20 ปี และนายวีรยุทธ สัมฤทธิ์เรืองศรี อายุ 30 ปี มายื่นคำร้องขอฝากขัง ครั้งเเรกเป็นเวลา 12 วันนับตั้งเเต่วันที่ 29 ม.ค.-9 ก.พ.64
คำร้องระบุพฤติการณ์สรุปว่าตามวันเวลาเกิดเหตุขณะที่ส.ต.ท. ชาคริต พินิจ และส.ต.ต. อรรถพล จั่นชมนาค ได้รับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาให้มาปฏิบัติหน้าที่ควบคุมฝูงชนที่บริเวณแยกสามย่านต่อมามีการประกาศให้กลุ่มผู้ชุมนุมเลิกการชุมนุมและมีการกระชับพื้นที่เพื่อให้เลิกชุมนุมขณะที่ส.ต.ท.ชาคริต และส. ต. อ. อรรถพล ได้ทำการกระชับพื้นที่ไปตามถนนพระราม 4 มุ่งหน้าแยกอังรีดูนังต์ และเมื่อเดินมาถึงบริเวณหน้าทางขึ้นอาคารจามจุรีสแควร์ฝังติดริมฟุตบาทถนนพระราม 4ขาออกนอกเมือง (มุ่งหน้าแยกคลองเตย) ได้มีการระเบิดเกิดขึ้นจำนวน 1 ครั้งเป็นเหตุให้ส.ต.ท.ชาคริตได้รับบาดเจ็บจากสะเก็ดระเบิดเป็นแผลบริเวณมือข้างซ้ายและศีรษะด้านซ้าย, ส.ต.อ. อรรถพล ได้รับบาดเจ็บจากสะเก็ดระเบิดเป็นแผลบริเวณมือข้างซ้ายหัวเข่าด้านขวาและสะเก็ดระเบิดยังไปโดนนายภุชงค์ สุขเสนา ซึ่งเป็นผู้จัดการอาคารจามจุรีสแควร์ที่ยืนอยู่บริเวณดังกล่าวได้รับบาดเจ็บเป็นแผลบริเวณฝ่ามือขวาและใต้ท้องแขนขวาและนายธนกร วงศปัญญา ผู้สื่อข่าว The Standard ได้รับบาดเจ็บบริเวณขาซ้ายเป็นแผลหลังจากเกิดเหตุผู้บาดเจ็บรักษาอาการที่โรงพยาบาลตำรวจและมาแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดกฎหมายต่อไปจากการสืบสวนสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานทราบว่ากรณีดังกล่าวนั้นคนร้ายก่อเหตุโดยใช้รถจักรยานยนต์เป็นพาหนะขณะเกิดเหตุขับขี่อยู่บนสะพานไทย-ญี่ปุ่น (มุ่งหน้าแยกคลองเตย) และคนร้ายได้ขว้างวัตถุระเบิดจากบนสะพานฯ และขับขี่หลบหนีออกจากที่เกิดเหตุมุ่งหน้าถนนสาทร มีผู้กระทำความผิดจำนวน 3 คนโดยแบ่งหน้าที่กันกระทำความผิดดังนี้ 1.นายพรชัย ประกาพวง เป็นผู้ซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์และไปผู้ขว้างวัตถุระบิดในวันเกิดเหตุ 2.นายวีรยุทธ สัมฤทธิ์เรืองศรีอายุ 30 ปีเป็นผู้ขับรถจักรยานยนต์ โดยมีนายพรชัยซ้อนท้ายก่อนเกิดเหตุ (ก่อนขึ้นสะพานไทย-ญี่ปุ่น) ขณะเกิดเหตุและหลบหนี ออกจากที่เกิดเหตุ 3.นายณัฐสุต ศิริอัฐ อายุ 20ปีเป็นผู้ขับรถจักรยานยนต์โดยมีนายพรชัย ซ้อนท้ายในช่วงก่อนเกิดเหตุ (ก่อนที่นายพรชัย จะเปลี่ยนไปซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ที่มีนายวีรยุทธเป็นผู้ขับขี่)
จากนั้นพนักงานสอบสวนจึงได้รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขออนุมัติศาลอาญากรุงเทพใต้ออกหมายจับผู้ต้องหาทั้ง3 ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้สืบทราบว่าผู้ต้องหาหลบหนีไปอยู่ที่บริเวณหน้าบ้านไม่มีเลขที่ซอยเรวดี 24 ตำบลตลาดขวัญอำเภอเมืองนนทบุรี จังหวัดนนทบุรีจึงได้นำหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ เข้าแสดงและทำการจับกุมตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีต่อไป จากนั้นพนักงานสอบสวนจึงได้แจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมให้กับผู้ต้องหาทราบว่าการกระทำดังกล่าวของผู้ต้องหาเป็นความผิดฐาน“ ร่วมกันพยายามฆ่าเจ้าพนักงานซึ่งกระทำตามหน้าที่หรือเพราะเหตุที่จะกระทำหรือได้กระทำการตามหน้าที่ร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่น, ร่วมกันกระทำให้เกิดระเบิดจนน่าจะเป็นอันตรายแก่บุคคลอื่นหรือทรัพย์ของผู้อื่น, ร่วมกันพาอาวุธไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุสมควร, ร่วมกันทำซื้อมีใช้สั่งนำเข้าค้าหรือจำหน่ายด้วยประการใด ๆ ซึ่งวัตถุระเบิดที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้
จากการสอบสวนแล้วผู้ต้องหาให้การรับสารภาพเหตุเกิดที่บริเวณหน้าห้างจามจุรีสแควร์ถนนพระราม 4 แขวงวังใหม่ เขตปทุมวันกรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 16 ม.ค.เวลา17.45 น.
การกระทำของผู้ต้องหาเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288,289,221,371 พรบ.อาวุธปืนเครื่องกระสุนปืนวัตถุระเบิดดอกไม้เพลิงและสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490 มาตรา38,55ประกอบประมวลกฎหมายอาญามาตรา 80และ 83 ข้อ
พนักงานสอบสวนได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาจะครบกำหนดควบคุม 31 ม.ค.64 เวลา10.00 น. เศษเนื่องจากการสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้นโดยจะต้องสอบปากคำพยานเพิ่มเติมอีก 5 ปากรอผลตรวจสอบประวัติการต้องโทษของผู้ต้องหาจากกองทะเบียนประวัติอาชญากร จึงขอฝากขังผู้ต้องหาไว้ระหว่างการสอบสวนต่อไป
โดยท้ายคำร้อง หากผู้ต้องหาขอประกันตัวพนักงานสอบสวนขอคัดค้านการประกันตัวเนื่องจากเป็นคดีที่มีอัตราโทษสูงเกรงว่าผู้ต้องหาจะหลบหนี