‘แรมโบ้’ ถกวอร์รูม ตั้งทีม กม.เอาผิด 112 ฝ่ายค้าน หากพาดพิงสถาบัน รับไม่ได้เขียนญัตติอัปยศอดสู

‘แรมโบ้’ ถกวอร์รูม ตั้งทีม กม.เอาผิด 112 ฝ่ายค้านหากพาดพิงสถาบัน บูรณาการแชร์ข้อมูลไม่แบ่งพรรค รับไม่ได้ เขียนญัตติอัปยศอดสู แนะ อย่าเล่นการเมืองน้ำเน่า ทำภาพพจน์นักการเมืองแปดเปื้อน

เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 1 กุมภาพันธ์ ที่ชั้น 2 สำนักงาน ก.พ. (เดิม) ตรงข้ามทำเนียบรัฐบาล มีการประชุมคณะทำงานสนับสนุนผู้ถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจ (สสอ.) ครั้งที่ 1/2564 เพื่อหารือแผนรับมือการอภิปรายไม่ไว้วางใจทั่วไปรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล มีผู้ช่วยรัฐมนตรีจากหลายกระทรวงเข้าร่วม อาทิ นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี นายทศพล เพ็งส้ม ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี (ปฏิบัติหน้าที่ประจำกระทรวงพลังงาน) นายชาญกฤช เดชวิทักษ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี ในบังคับบัญชารัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายอนุชา นาคาศัย)

นายสุภรณ์กล่าวว่า คณะทำงานมีความคิดเห็นร่วมกันว่าการที่ฝ่ายค้านได้ยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รวมถึงรัฐมนตรีบางท่านของทุกพรรคร่วมรัฐบาล เราในฐานะผู้ช่วยรัฐมนตรีที่ต้องทำหน้าที่ในมิติด้านการเมืองมีความเห็นร่วมกันว่าควรจะมีการตั้งคณะทำงาน เพื่อให้เห็นว่าผู้ช่วยรัฐมนตรีจากทุกพรรคจะดูแลรับผิดชอบรัฐมนตรีทุกพรรคทุกท่านตามที่มีชื่อถูกอภิปราย

นายสุภรณ์กล่าวว่า เราจะทำหน้าที่สนับสนุนข้อมูลให้กับนายกฯ และรัฐมนตรีทุกท่าน อย่างไรก็ตาม ญัตติที่พรรคฝ่ายค้านได้ยื่นอภิปรายนั้น เป็นข้อกล่าวหาที่ไม่ตรงกับข้อเท็จจริงในหลายประเด็น คณะทำงานหรือวอร์รูมนอกสภา มีความวิตกกังวลถึงเรื่องที่เกี่ยวข้องกับสถาบัน โดยเฉพาะที่กล่าวหา พล.อ.ประยุทธ์ เป็นข้อกล่าวหาที่บิดเบือนโดยสิ้นเชิง และประชาชนได้ฝากความคิดเห็นมาว่าไม่เห็นด้วยที่ฝ่ายค้านนำเรื่องสถาบันเข้ามาเกี่ยวข้อง

Advertisement

นายสุภรณ์กล่าวว่า ดังนั้น สิ่งต่างๆ เหล่านี้เราจึงตั้งทีมกฎหมายขึ้นมา โดยมอบให้นายทศพล และผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายช่วยกันเตรียมข้อมูลเรื่องกฎหมาย หากมีการอภิปรายพาดพิงสถาบันในทางเสียหาย บิดเบือน ใส่ร้ายป้ายสี ก้าวล่วง จาบจ้วงสถาบัน เราจะให้ฝ่ายกฎหมายดำเนินการแจ้งความตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ทันที เหตุผลคือถ้าไม่เบรกไว้ทันที คนอธิบายถัดไปก็จะอภิปรายไม่อย่างหยุดยั้ง

นายสุภรณ์กล่าวต่อว่า หากมีการพาดพิงถึงนายกฯ หรือรัฐมนตรี ฝ่ายกฎหมายก็จะดูว่าข้อมูลใดเป็นเท็จและเป็นการใส่ร้ายป้ายสี ก็จะไปดำเนินคดีร้องทุกข์กล่าวโทษเช่นเดียวกัน เราไม่ได้ข่มขู่ฝ่ายค้าน แต่เราต้องการให้เห็นบรรยากาศในการอภิปรายเป็นไปอย่างสร้างสรรค์และเป็นไปตามระเบียบข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร และไม่ต้องการให้ประชาชนเบื่อหน่ายกับการอภิปรายซ้ำซากตามแบบนักการเมืองน้ำเน่าในอดีต เพื่อให้ประชาชนได้พึงพอใจต่อภาพพจน์ของนักการเมือง

Advertisement

“อีกส่วนคือการเตรียมข้อมูลข้อเท็จจริงให้กับนายกฯ และรัฐมนตรีที่ถูกอภิปราย พร้อมกับอาจจะมีการตั้งเวทีแถลงข่าวตอบโต้ข้อกล่าวหาเท็จและไม่มีหลักฐานอันเป็นจริง โดยจะแถลงข่าวนอกสภา

“ตั้งแต่อยู่วงการการเมืองมาการอภิปรายในครั้งนี้เป็นญัตติที่อัปยศอดสูที่สุด เพราะนำเรื่องสถาบันเข้ามาเกี่ยวข้อง และกล่าวหานายกฯด้วยภาษาไม่สุภาพและหยาบคาย จึงอยากไปฝากถึงพรรคร่วมฝ่ายค้านว่าอย่าอภิปรายก้าวล่วงสถาบันเป็นอันขาด และอย่าอภิปรายย้อนไปในอดีตให้มาก เพราะจะเป็นการเล่นการเมืองแบบไม่สร้างสรรค์และสกปรก เช่น อภิปรายย้อนไปในยุคคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ (คสช.) เพราะพี่น้องประชาชนไม่อยากเห็นการอภิปรายซ้ำซาก ทั้งนี้ นายกฯไม่ได้กำลับสั่งการเพิ่มเติม เพราะเรามีหน้าที่ทางการเมืองอยู่แล้ว” นายสุภรณ์กล่าว

นายทศพลกล่าวว่า เมื่อไหร่ที่มีการกระทำความผิดตามมาตรา 112 เราจะดำเนินคดีทันที เราจะไม่รอให้อภิปรายเสร็จ เพื่อไม่ให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรคนต่อไปกระทำความผิดอีก

นายชาญกฤชกล่าวว่า การทำงานของผู้ช่วยรัฐมนตรีจะร่วมมือบูรณาการการทำงานกันอย่างไม่แบ่งพรรคการเมือง เพราะต้องการยกระดับการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ขณะนี้ยังไม่ได้ตกลงกันว่าจะตั้งวอร์รูมกันที่สำนักงาน ก.พ. หรือรัฐสภา หลังจากนี้คณะทำงานจะเชิญประชุมใหญ่ของผู้ช่วยรัฐมนตรีครั้งสุดท้ายก่อนเปิดอภิปรายไว้วางใจต่อไป

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image