‘นพดล’ แนะรัฐอย่าเพลินกับตัวเลขอันดับการรับมือโควิด จนพลาดใส่ใจการจัดอันดับขีดความสามารถของ ปท.

‘นพดล’ ไม่อยากให้รัฐเพลินกับตัวเลขอันดับการรับมือโควิด จนพลาดใส่ใจตัวเลขการจัดอันดับขีดความสามารถของ ปท.

เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ นายนพดล ปัทมะ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ประธานคณะกรรมการนโยบายฯพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงการที่สถาบันวิชาการจากประเทศออสเตรเลียจัดอันดับให้ไทยอยู่ลำดับ 4 ของโลกในการจัดการแก้ปัญหาโควิดนั้น ตนเห็นว่ารัฐบาลอย่าเพิ่งนิ่งนอนใจ เนื่องจากการระบาดรอบสองนี้ชาวบ้าน คนทำงาน เจ้าของกิจการขนาดเล็กเดือดร้อนกันมาก ที่ต้องตกงาน ปิดกิจการ และพรรคเพื่อไทยได้นำเสนอมาตรการในการเยียวยาอย่างต่อเนื่อง แต่หลายมาตรการไม่ได้ดำเนินการ เช่น การเยียวยาคนละ 5,000 บาท เป็นเวลา 3 เดือน การแก้กฎหมายให้ธุรกิจขนาดเล็กและกลาง SMEs ให้เข้าถึงแหล่งทุนได้จริงและง่ายขึ้น รวมทั้งมาตรการการช่วยเหลือผู้ประกอบการในการคงการจ้างงาน เป็นต้น

นายนพดลกล่าวว่า ตนเห็นว่ารัฐบาลจะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยก็ควรแสดงจุดยืนให้ชัดเจน เนื่องจากข้อเสนอของพรรคเพื่อไทยกระทำด้วยความบริสุทธิ์ใจ เพื่อช่วยประชาชนที่เดือดร้อน

นายนพดลกล่าวว่า ตนไม่อยากให้ภาครัฐเพลินกับตัวเลขการจัดอันดับการรับมือโควิด จนพลาดที่จะใส่ใจตัวเลขการจัดอันดับขีดความสามารถของประเทศซึ่งน่าเป็นห่วง จึงขอเรียกร้องให้รัฐบาลได้ใช้โอกาสนี้ฟื้นฟูและวางรากฐานให้ประเทศในระยะยาว โดยเฉพาะในเรื่องขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ซึ่งตัวเลขการจัดอันดับที่สำคัญระดับโลกยังมีความน่ากังวล โดยเฉพาะ 1.ตัวเลขการจัดอันดับความสามารถในการแข่งขัน ประจำปี 2563 โดย IMD ซึ่งลำดับของไทยลดลงจากอันดับที่ 25 ในปี 2562 มาอยู่ที่อันดับ 29 ในปี 2563 โดยลดลง 4 อันดับ ซึ่งถ้าดูในรายละเอียดอันดับประสิทธิภาพของภาครัฐลดลง สวนทางกับอันดับประสิทธิภาพของภาคธุรกิจที่ดีขึ้น ดังนั้น รัฐบาลต้องเอาจริงว่าจะเพิ่มอันดับความสามารถในการแข่งขันในปีนี้ได้อย่างไร

Advertisement

“2.ในเรื่องทุนมนุษย์และการศึกษาของไทยยังน่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง โดยดูได้จากการทดสอบนานาชาติที่เรียกว่า PISA ผลการทดสอบด้านวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์และการอ่านของนักเรียนไทยครั้งล่าสุดในปี 2561 ลดต่ำลงกว่าการทดสอบในปี 2555 เวลา 6 ปีผ่านไปคะแนนไหลลดลง 3.อีกเรื่องที่น่ากังวลที่ทำให้เราไม่สามารถแข่งขันได้เต็มที่คือการสื่อสารภาษาสากลที่ใช้ทั่วโลกเพื่อใช้แสวงหาความรู้และค้าขายกับต่างชาติคือการใช้ภาษาอังกฤษที่การจัดอันดับในปี 2563 อันดับไทยร่วงลงจากอันดับที่ 74 ในปี 2562 หล่นไปที่อันดับ 89 ในปี 2563 ลดลงถึง 15 อันดับในปีเดียว

“ผมเรียกร้องให้รัฐบาลและผู้มีหน้าที่รับผิดชอบได้ตระหนักและหาแนวทางแก้ไขปัญหาเชิงโครงสร้างที่สำคัญดังกล่าว เนื่องจากความล้มเหลวในการแก้ปัญหาจะกระทบต่อประโยชน์และอนาคตของชาติ อย่างน้อยผู้มีหน้าที่รับผิดชอบต้องยอมรับว่ามีปัญหา แล้วเร่งดำเนินมาตรการแก้ไข และเอาใจใส่ติดตามให้สำเร็จ ซึ่งจะสำเร็จหรือล้มเหลวจะถูกชี้วัดโดยตัวเลขการจัดอันดับครั้งต่อไป ไม่มีช่องให้ใช้วาทะกรรมทางการเมืองแก้ตัวใดๆได้” นายนพดลกล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image