เผย กฤษฎีกาเตือนแก้ รธน.ให้ยึดคำวินิจฉัยศาล เลขาวิป รบ.เชื่อ สภาไฟเขียวส่งศาลรัฐธรรมนูญตีความ

เผยกฤษฎีกาเตือนแก้ รธน.ให้ยึดคำวินิจฉัยศาล รธน. ด้าน ‘ไพบูลย์’ กังวล หากไม่ส่งตีความให้ชัด โหวตวาระ 3 เสียง ส.ว.ไม่ถึง 1 ใน 3 อาจทำให้ร่างตกไป

เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ ผู้สื่อข่าวรายงานจากรัฐสภา ว่า ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร วันที่ 4 กุมภาพันธ์นี้มีวาระการพิจารณารับทราบผลการพิจารณารายงานศึกษาของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาปัญหา หลักเกณฑ์และแนวทางการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ปี 2560 ที่มีนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี เป็นประธาน

สืบเนื่องจากที่ ครม.ส่งเรื่องให้คณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณาข้อสังเกตของ กมธ.ว่า การยกร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับจะทำได้หรือไม่ เพื่อแจ้งกลับมายังสภาผู้แทนราษฎรรับทราบ ประกอบการพิจารณารายงานศึกษา ปัญหา หลักเกณฑ์ และแนวทางแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญของ กมธ.นั้น คณะกรรรมการกฤษฎีกาได้ทำหนังสือตอบกลับมาแล้ว

โดยระบุว่า การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญที่มีผลให้ยกร่างใหม่ทั้งฉบับจะทำได้หรือไม่ ควรพิจารณาคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ 2 ฉบับที่เกี่ยวข้องคือคำวินิจฉัยที่ 18-22/2555 ที่ระบุการแก้ไขข้อบกพร่องรัฐธรรมนูญ ควรทำเป็นรายมาตรา แต่การยกร่างใหม่ทั้งฉบับ ควรจัดให้ออกเสียงประชามติจากประชาชนก่อน และคำวินิจฉัยที่ 15-18/2556 ที่ระบุการแก้ไขที่มา ส.ว.ให้มาจากการเลือกตั้งเพียงทางเดียว เป็นการขัดรัฐธรรมนูญที่กำหนดให้มีสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาทำหน้าที่ตรวจสอบถ่วงดุลกัน

Advertisement

แต่ทั้งนี้คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญทั้งสองฉบับ เป็นการวินิจฉัยภายใต้รัฐธรรมนูญปี 2550 แต่การแก้ไขรัฐธรรมนูญเพิ่มเติมปี 2560 มีบทบัญญัติเพิ่มเติมเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญไว้ในหมวด 15 เป็นการเฉพาะ ดังนั้นการแก้รัฐธรรมนูญย่อมทำได้ แต่สมควรคำนึงถึงคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญทั้งสองฉบับที่วางแนวทางแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญไว้เป็นบรรทัดฐาน ซึ่งอาจมีการยกเป็นประเด็นส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าเป็นการล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขหรือไม่ เนื่องจากมีแนวคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญไว้เป็นบรรทัดฐานแล้ว

ด้าน นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหนาพรรคพลังประชารัฐ ในฐานะผู้เสนอญัตติขอให้รัฐสภามีมติส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยปัญหาเกี่ยวกับหน้าที่และอำนาจของรัฐสภาตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 210 (2) กล่าวว่า ในการประชุมร่วมรัฐสภาวันที่ 9 ก.พ.นี้ จะพิจารณาญัตติดังกล่าวว่าจะส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยการยกร่างรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับเป็นการขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่ ซึ่งบันทึกของคณะกรรมการกฤษฎีกาที่ส่งให้สภาผู้แทนราษฎรครั้งนี้ จะเป็นส่วนสำคัญประกอบการตัดสินใจของ ส.ส. และ ส.ว.ว่าจะส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยหรือไม่

Advertisement

นายไพบูลย์กล่าวว่า หากไม่มีกระบวนการส่งไปศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้เกิดความชัดเจน เมื่อต้องพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ในวาระ 3 ที่ต้องใช้เสียง ส.ว.ด้วย หากเสียง ส.ว.ไม่ถึง 1 ใน 3 อาจทำให้ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญต้องตกไป

ขณะที่ นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) กล่าวว่า ในการประชุมร่วมรัฐสภา วันที่ 9 กุมภาพันธ์ เพื่อพิจารณาญัติขอให้รัฐสภาลงมติส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญเพื่อพิจารณาวินิจฉัยปัญหาเกี่ยวกับหน้าที่และอำนาจของรัฐสภาตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 210 (2) ที่เสนอโดยนายไพบูลย์​ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรค พปชร. และนายสมชาย แสวงการ ส.ว. พร้อมคณะนั้นตนเป็น 1 ในผู้ร่วมยื่นญัตติดังกล่าวด้วย เพราะเห็นปัญหาของการเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญ

นายชัยวุฒิกล่าวว่า ทั้งนี้ จะไม่มีการถอนญัตติดังกล่าวออกจากวาระพิจารณา และเชื่อว่าการลงมติจะให้ส่งญัตติไปยังศาลรัฐธรรมนูญ เพราะการลงคะแนนจะใช้เสียงข้างมากเกินกึ่งหนึ่ง ของที่ประชุม 375 เสียงของสมาชิกรัฐสภา หาก ส.ว.ร่วมลงมติทั้งหมด และมี ส.ส.พรรค พปชร.ร่วมทั้งหมด จะสามารถส่งเรื่องไปศาลรัฐธรรมนูญได้

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image