หญิงหน่อย ชี้ นายกฯ-กองทัพ ทำไทยศก.แย่ เก็บภาษีได้น้อยส่อล้มละลายทางการคลัง
คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานสถาบันสร้างไทย และอดีตประธานคณะกรรมการ
ล่าสุดเมื่อ 16 พฤศจิกายน 2563 สภาพัฒน์แถลงข่าวคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจไทยในปี 2563 จะติดลบร้อยละ 6 ส่วนปี 2564 จะขยายตัวร้อยละ 3.5-4.5 แต่เป็นการแถลงข่าวก่อนเกิดการแพร่ระบาดซ้ำของ COVID รอบ 2 ซึ่งจะทำให้ความเชื่อมั่นของประชาชนและนักลงทุนลดลง ดังนั้น เศรษฐกิจปี 2564 ที่ครั้งแรกคาดว่า จะขยายตัวร้อยละ 4-5 ต่อมาปรับลดลงเหลือ 3.5-4.5 จะขยายตัวจริงลดลงมากกว่าที่คาด ทั้งหมดเกิดจากความบกพร่องของนายกรัฐมนตรีและกองทัพที่รับผิดชอบการดูแลแรงงานข้ามชาติตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ไม่ใช่ความผิดประชาชนเลย
สถานการณ์ทางเศรษฐกิจของไทยแย่ลงเรื่อยๆ ล่าสุดสำนักงบประมาณเผยแพร่ประมาณการรายได้รัฐบาลสุทธิในปี 2565 ที่ประมาณว่า การจัดเก็บภาษีจะเหลือเพียง 2.4 ล้านล้านบาท ลดลงจากปี 2563 ถึง 277,000 ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ 10.3 อันเป็นการจัดเก็บที่ลดลงสูงที่สุดตั้งแต่มีประเทศไทย โดยในปี 2557 ที่มีการยึดอำนาจ สถิติการจัดเก็บภาษีลดลงร้อยละ 10.1 และติดลบเรื่อยมาจนปัจจุบันและต่อไปในอนาคตตราบเท่าที่พลเอกประยุทธ์ยังเป็นนายกรัฐมนตรี ทำให้ฐานะทางการคลังของรัฐบาลมีความเปราะบางมากที่สุดจนอาจนำไปสู่การ “ล้มละลาย” ทางการคลัง
วันนี้ล่วงเลยเวลาที่จะมาตำหนิกัน แต่จะขอแนะนำแบบคนที่หวังดีและห่วงบ้านเมืองว่า สถานการณ์ขณะนี้สิ่งที่จำเป็นที่สุดคือความเชื่อมั่น รัฐบาลจะต้องทำให้ประชาชนมองเห็นอนาคต เพื่อที่ประชาชนจะกล้าจับจ่ายใช้สอยและลงทุน อันเป็นการกระตุ้นให้เกิดการบริโภคภายใน รวมถึงมาตรการต่างๆ ที่ออกมา ควรถามผู้ที่จะได้รับผลกระทบ เช่น มาตรการช่วยเหลือ SMEs ควรถามผู้ที่อยู่ในกลุ่ม SMEs ว่าต้องการอะไร (outside in approach) ไม่ใช่คิดเอาเองแบบรัฐราชการ จนกลายเป็นมาตรการที่ออกมาไม่ได้ช่วยอะไร ที่สำคัญคือรัฐบาลต้องดูแลประชาชนและผู้ประกอบการรายเล็กรายน้อย เพราะการฟื้นฟูเศรษฐกิจครั้งนี้ต้องอาศัยพลังของคนตัวเล็ก ตัวน้อย มาเป็นฐานพยุงเศรษฐกิจของไทยไม่ให้ล่มสลาย ส่วนนายทุนใหญ่ตรงไหนมีโอกาสเค้าก็เอาทุนไปลงที่นั่น แต่ไม่ใช่ที่ประเทศไทยแน่นอน
#สู้เพื่อคนตัวเล็ก
คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์