ผู้เขียน | เดินหน้าชน |
---|
หลังจากรัฐบาลค่อยๆ ทยอยประกาศคลายล็อกมาตรการคุมเข้มการแพร่ระบาดโควิด-19 ระลอกใหม่
จังหวัดต่างๆ สามารถเปิดในหลายๆ กิจกรรมได้ ทั้งร้านอาหารนั่งทานได้ การเปิดเรียน
แม้ว่าตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิดในประเทศยังคงขึ้นๆ ลงๆ ไม่นิ่ง
ประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะ เมียนมา กับ มาเลเซีย มีผู้ติดโควิดรายวันอยู่ในอัตราสูงอยู่
สุ่มเสี่ยงจะมีการลักลอบข้ามชายแดนเข้ามายังประเทศไทย เกิดการแพร่ระบาดระลอกใหม่ได้ตลอดเวลา
แต่รัฐบาลประเมินแล้วว่า หากยังคุมเข้มเกินไป ผลกระทบทางเศรษฐกิจจะรุนแรงกว่าเดิม
ดังนั้น จึงใช้วิธีค่อยๆ เปิดกิจกรรม แต่หากเกิดการแพร่ระบาดในพื้นที่ใด
จะใช้ความเร็วในการควบคุมโรคเฉพาะพื้นที่ ไม่ให้กระจายไปยังพื้นที่อื่นๆ
สิ่งสำคัญนับจากนี้ จึงขึ้นกับว่าแต่ละคนมีวินัยในการป้องกันตัวเองมากน้อยแค่ไหน
เมื่อหลายกิจกรรมเปิดดำเนินการ ย่อมเกิดการรวมตัว และมีความเสี่ยงการแพร่เชื้อเพิ่มขึ้น
หากเกิดมีผู้ติดเชื้อเข้ามาแพร่ระบาด จะทางใดก็ตาม
โอกาสการแพร่ระบาดในแบบคลัสเตอร์ หรือเป็นกลุ่มก้อนมีโอกาสเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา
จึงเป็นช่วงที่ยิ่งต้องระมัดระวังกว่าเดิม ตราบใดที่การเข้าถึงวัคซีนยังเป็นเรื่องไกลตัวสำหรับคนไทยส่วนใหญ่
นับจากนี้ถือว่าเป็นช่วงเวลาสำคัญยิ่ง หากต้องการรอดพ้นจากการติดเชื้อโควิด
จำเป็นต้องใส่ใจกับการป้องกันตามมาตรการต่างๆ ระวังอย่าการ์ดตก
สิ่งสำคัญตอนนี้ รัฐบาลควรเร่งเยียวยาผลกระทบด้านเศรษฐกิจ กำลังทวีความรุนแรงขึ้นอย่างรวดเร็ว
สังเกตได้จากข่าวคดีต่างๆ เกี่ยวกับความอดอยาก ความยากลำบากในการใช้ชีวิตของผู้คนยุคโรคระบาด
คดีฉกชิงวิ่งราว การละเมิดกฎหมายเพื่อหาอาหารมาประทังชีวิต
คดีต่างๆ เกิดขึ้นมากมาย กลายเป็นปัญหาสังคม เพราะความหิว ความเดือดร้อนเกิดขึ้นแทบทุกหย่อมหญ้า
ปัญหาความเหลื่อมล้ำ การขาดโอกาสทางการศึกษาของเยาวชน กลายเป็นวิกฤตซ้ำเติมปัญหาของประเทศไทย
รัฐบาลจึงควรเร่งรีบเข็นมาตรการการช่วยเหลือต่างๆ ออกมาโดยเร็วและตรงเป้าหมายให้ชัดเจน
การอัดฉีดเม็ดเงินเข้ามาทดแทนรายได้จากต่างประเทศที่หายไปจากการท่องเที่ยวและการส่งออก
เป็นสิ่งที่จะเข้ามาช่วยประคับประคองให้คนไทยก้าวพ้นช่วงเวลาแห่งความยากลำบากนี้ไปได้
หน่วยงานส่วนราชการต่างๆ โดยเฉพาะบรรดารัฐมนตรีทั้งหลาย ควรจะต้องทำงานให้หนักมากกว่านี้
เพราะสถานการณ์ช่วงนี้ไม่ใช่สถานการณ์ปกติ แต่เป็นวิกฤตของประเทศ เป็นวิกฤตของโลกและมวลมนุษยชาติ
หน่วยงานราชการ ควรปรับการทำงาน อย่าใช้วิธีการทำงานแบบเดิมๆ
เพราะประชาชนกำลังรอคอยความช่วยเหลือจากทางรัฐบาลและราชการอยู่
มีเพียงบางหน่วยงานที่ทำงานกันแบบหามรุ่งหามค่ำ เพื่อดูแลบริการประชาชนอย่างเต็มที่
แต่ยังมีอีกหลายหน่วยงาน ทำงานแบบเช้าชามเย็นชาม เหมือนเดิม
ทางที่ดีระดับหัวหน้า และบรรดารัฐมนตรีควรทำเป็นตัวอย่าง ออกตรวจเยี่ยมประชาชนในต่างจังหวัดกันบ้าง
เดินทางไปให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ในจังหวัดต่างๆ มากขึ้นกว่าที่เป็นอยู่
สิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้ ดูเหมือนสร้างความสงสัยเพิ่มขึ้นว่า หรือว่าเป็นเพราะรัฐบาลไม่ได้มาจากประชาชนอย่างแท้จริง
เทียบกับในอดีต หากเป็นรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง จากเสียงของประชาชนอย่างแท้จริง จะดูแลประชาชนมากกว่านี้
ช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ จะได้เห็นภาพนักการเมืองลงพื้นที่ไปเยี่ยมเยียนถามสารทุกข์สุกดิบประชาชนพื้นที่ต่างๆ กันอย่างคึกคัก
อย่ามาอ้างว่าช่วงโควิด กลัวการแพร่ระบาด ก็เลยไม่ไปไหน เพราะมีวิธีป้องกันต่างๆ มากมาย กำลังใจเป็นสิ่งสำคัญในช่วงเวลาแบบนี้
แต่ตอนนี้ถามหน่อยว่า มีใครเห็นหัวหน้าหน่วยงาน หรือรัฐมนตรีลงพื้นที่กันบ้างหรือไม่ ถ้าจะมีก็น้อยเต็มที
พฤติกรรมรัฐบาลชุดนี้ จึงดูไม่ค่อยใส่ใจประชาชนเท่าที่ควร
เมื่อเทียบกับปัญหาที่เกิดขึ้น หรือเมื่อเทียบกับรัฐบาลที่มาจากประชาชนอย่างแท้จริง
หรือว่า “ย่ามใจ” คิดว่ายังไงก็เป็นรัฐบาลไปอีกนาน ฝ่ายค้านทำอะไรไม่ได้
สุรพล สุประดิษฐ์ ณ อยุธยา