ชาวเมียนมาเปิดแฟลช-ส่องไฟ ต้านเผด็จการ คนไทยจุดเทียนไขแจมหน้าสถานทูต
เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ ที่หน้าสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาประจำประเทศไทย ถนนสาทรเหนือ เขตบางรัก กรุงเทพฯ สืบเนื่องกรณีประชาชนกลุ่มหนึ่งนัดการนัดหมายจัดกิจกรรม ส่องไฟต้านรัฐประหาร หน้าสถานทูตเมียนมาวันนี้ เวลา 20.00 น.เพื่อแสดงออกเชิงสัญลักษณ์
บรรยากาศเมื่อเวลา 19.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจเคลียร์พื้นที่ช่องจราจรหน้าประตูสถานทูตซึ่งรายล้อมด้วยสื่อมวลชนจำนวนมาก โดยประกาศผ่านโทรโข่งขอความร่วมมือให้สื่อมวลชนย้ายไปอยู่บนทางเท้า แล้วนำรั้วเหล็กกั้นช่องทางจราจร 1 ช่อง บริเวณจุดสิ้นสุดกำแพงสถานทูต โดยระหว่างนั้นมีตำรวจบางรายใช้เสียงดังในการสื่อสาร
นายแพทย์ทศพร เสรีรักษ์ เจรจากับตำรวจขอให้ใช้คำพูดที่ดีต่อผู้ทำกิจกรรม จากนั้น ประชาชนช่วยกันยกรั้วเหล็กออกจากช่องจราจรย้ายไปวางบนทางเท้า
เวลา 19.45 น. ชาวเมียนมากลุ่มหนึ่งชูภาพพลเอก มิน อ่อง ลาย ที่ถูกตัดต่อให้เคียงคู่ไดโนเสาร์ พร้อมข้อความภาษาอังกฤษสื่อถึงเผด็จการ แล้วกู่ร้องด้วยภาษาพม่า จากนั้นเวลาราว 19.50 น. ทำการจุดไฟเผาภาพดังกล่าวแล้วใช้เท้าเหยียบ
เวลาราว 19.58 น. กลุ่มชาวเมียนมาหลายสิบรายรวมตัวยืนบนขั้นบันไดหน้าอาคารไนน์ทูไฟฟ์ ของบริษัท วอง จิวเวลรี่ จำกัด ซึ่งตั้งอยู่ข้างสถานทูตเมียนมา โดยเปิดแฟลชส่องไฟจากโทรศัพท์มือถือ พร้อมชู 3 นิ้ว รวมถึงชูภาพนางออ งซาน ซูจี จากนั้นร่วมกันร้องเพลงอย่างฮึกเหิม
เวลา 20.00 น. เครือข่ายคนรุ่นใหม่นนทบุรี และประชาชนทั่วไป จุดเทียนไขสีขาว และเทียนหอมในถ้วยดินเผาขนาดเล็กร่วมแสดงสัญลักษณ์
ทั้งนี้ จุดทำกิจกรรมหลักประกอบด้วย 2 จุด ได้แก่ 1.อาคารไนน์ทูไฟฟ์ ข้างสถานทูต ผู้ทำกิจกรรมส่วนใหญ่เป็นชาวเมียนมา กิจกรรมหลักคือการเปิดแฟลชจากโทรศัพท์มือถือและร้องเพลง 2.หน้าประตูสถานทูต ส่วนใหญ่เป็นคนไทย กิจกรรมหลักคือจุดไฟจากเทียนไข
โดยเมื่อเวลา 20.08 น. กลุ่มที่จุดเทียนไขได้เคลื่อนขบวนจากหน้าประตูสถานทูต ขยับไปทางฝั่งริมกำแพงสถานทูต แล้วนำเทียนปักลงบนพื้น
เวลาราว 20.15 น. ตำรวจประกาศขอความร่วมมือให้เดินทางกลับบ้านหลังจบกิจกรรม โดยมีการยืนตั้งแถวล้อมเทียนไข จากนั้นนำกรวยจราจรและน้ำเปล่าดับเทียนดังกล่าว
เวลา 20.20 น. ทั้งชาวเมียนมาและชาวไทย ยังคงปักหลักอยู่รอบบริเวณ โดยมีจำนวนหนาแน่นขึ้นตามลำดับ
เวลา 20.35 น. ตำรวจตั้งแถวตอนเรียง 1 กั้นระหว่างผิวการจราจรกับทางเท้า มีความพยายามขอร้องให้ผู้ทำกิจกรรมแยกย้ายกลับ แต่ประชาชนทั้งไทยและเมียนมายังคงปักหลักที่เดิม โดยกลุ่มชาวเมียนมานำขนมชนิดต่างๆ มาแจกจ่ายทั้งกับชาวไทยและชาวเมียนมาด้วยกัน
