อดีตเลขาสมช. ยก 3เชื้อไฟ ทำการเมืองถึงขั้นแตกหัก ชี้ศึกซักฟอก ส.ส.ต้องได้พูดอิสระ
เมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขานุการคณะกรรมการกิจการพิเศษ พรรคเพื่อไทย อดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.) กล่าวว่า สถานการณ์การเผชิญหน้าทางการเมืองได้ยกระดับถึงแนวเข้มข้น เห็นได้จากประเด็นแรกคือวันศุกร์ที่ 5 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมาตำรวจสภ.คลองหลวง นัดผู้ต้องหา 22คน ซึ่งเป็นนักศึกษาเยาวชน นักจัดกิจกรรมการเมืองไปรับทราบข้อหาคดี และจะถูกนำตัวไปศาลเพื่อฝากขัง ขณะเดียวกันก็ถูกตอบโต้กลับจากคณะราษฎรทันควันว่า หากฝากขังได้จริง ก็ต้องเจอการชุมนุมยืดแข้งยืดขาสวนกลับทันที ตำรวจจึงต้องเปลี่ยนใจปล่อยตัวไม่ฝากขัง อีกทั้งยังได้มีการสื่อถึงกลุ่มคนที่ต้องการร่วมขับไล่รัฐบาลนี้ให้รู้ถึงเป้าหมายของพวกขบวนการสืบทอดอำนาจว่า 1.เขาต้องทำลายคณะราษฎร และ2.เขาจ้องขยายแนวร่วมอนุรักษ์นิยม ฉะนั้น คนของคณะราษฎร จึงส่งเสียงลั่นว่า ปี64 ชี้ชะตาราษฎร มีโจทย์ต้องแก้แพ้คือราบคาบชนะคือเต็มใบ
พล.ท.ภราดร กล่าวว่า ประเด็นที่สองคือเรื่องการจัดหาวัคซีนป้องกันโควิด ประเทศรอบบ้านเราได้รับมาฉีดกันแล้ว แต่ไทยเรายังไม่ได้รับวัคซีน วัคซีนเป็นปัจจัยสำคัญยิ่งต่อการสร้างความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจ แต่รัฐบาลก็จัดการแย่มาก และยังไม่แสดงออกถึงความรับผิดชอบอีกด้วย และประเด็นที่สามคือเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ส.ว.แต่งตั้งไร้ความชอบธรรม ยังคงแสดงความยึกยักชะลอการแก้ไขเพื่อประโยชน์ของพวกพ้องท่าเดียว สามประเด็นที่กล่าวมาล้วนเป็นเชื้อสุมไฟให้เกิดความแตกหักทางการเมือง การเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจเปิดแผลความผิดรัฐมนตรีของสภาผู้แทนราษฎรที่กำลังจะเกิดขึ้น ยังคงเป็นทางออกที่ไม่ก่อให้เกิดความรุนแรงทางการเมืองได้ แต่การอภิปรายของส.ส.จะแสดงออกได้อย่างมีเสรีภาพและประสิทธิภาพนั้น มันยึดโยงอยู่กับการที่ฝ่ายความมั่นคงและขบวนการยุติธรรมจะต้องปฏิบัติหน้าที่ความรับผิดชอบของตนสร้างสภาวะแวดล้อมให้กับสังคมไทย ได้เชื่อมั่นและยอมรับว่า บ้านเมืองนี้มันมีการปกครองที่‘เป็นธรรม‘จริง ตามที่ได้เคยกล่าวย้ำเตือนเสมอมา