เร่งตั้ง ‘กสทช.’ ให้ กมธ.สอบประวัติแค่ 15 วัน ส.ว.เครียด ถกยาวหวั่นครหา

เร่งตั้ง ‘กสทช.’ ให้ กมธ.สอบประวัติแค่ 15 วัน ส.ว.เครียด ถกยาวหวั่นครหา

เมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมวุฒิสภา มีนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา เป็นประธานการประชุม พิจารณาเรื่องด่วน การตั้งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญเพื่อทำหน้าที่ตรวจสอบประวัติ ความประพฤติ และพฤติกรรมทางจริยธรรมของบุคคลผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำหน่งเป็นกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ตามที่คณะกรรมการสรรหา กสทช.เสนอรายชื่อบุคคลที่ผ่านการคัดเลือก จำนวน 14 คน ให้วุฒิสภาลงมติเห็นชอบให้เหลือ 7 คน ภายใน 30 วันตามกฎหมาย กสทช. นับแต่วันที่วุฒิสภาได้รับบัญชีรายชื่อ เมื่อวันที่ 8 กพ.ที่ผ่านมา

ทั้งนี้ ส.ว.ได้ตั้งข้อสังเกตถึงกระบวนการที่เกิดขึ้น ทั้งกรอบเวลาทำงานตรวจสอบประวัติฯ หลังจากมีกระแสข่าวว่าวุฒิสภาจะลงมติให้ความเห็นชอบหรือไม่ วันที่ 23 ก.พ.ทำให้เวลาทำงานของคณะกรรมาธิการสอบประวัติฯ ต้องเร่งรัด รวมถึงการตั้งกรรมาธิการ

โดย พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม ส.ว. อภิปรายตั้งข้อสังเกตกรณีที่นายนัฑ ผาสุก เลขาธิการวุฒิสภา ในฐานะฝ่ายธุรการของคณะกรรมการสรรหาบุคคลให้เป็น กสทช. รีบส่งบัญชีรายชื่อผู้ไดัรับเลือกทั้ง 14 คนมายังประธานวุฒิสภา วันที่ 3 ก.พ.หลังจากที่ได้รับรายชื่อจากกรรมการสรรหา เมื่อ 29 ม.ค. ทั้งนี้ ตามกฎหมายให้เวลาดำเนินการ 30 วัน การเร่งรีบดังกล่าวทำให้ คณะกรรมาธิการตรวจสอบประวัติฯ ต้องเร่งรัดการทำงาน เพื่อให้ทันการปิดสมัยประชุม ในวันที่ 28 ก.พ.นี้ จะกระทบต่อการทำงานไม่รอบคอบ ตามมาตรฐานการทำงานที่ผ่านมา และสังคมไม่ไว้วางใจ นอกจากนั้นการตั้งกรรมาธิการฯ 15 คน ก็ไม่มีโควต้าของ กมธ.สิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพและการคุ้มครองผู้บริโภค และกมธ. เทคโนโลยีสารสนเทศ การสื่อสารและการโทรคมนาคม ของวุฒิสภา ทั้งที่ กสทช.เกี่ยวกับงานด้านเทคโนโลยี และสิทธิมนุษยชน

Advertisement

ขณะที่ พล.อ.ต.เฉลิมชัย เครืองาม ส.ว. อภิปรายว่า ตามที่ได้ยินว่าจะเร่งลงมติในวันที่ 24 ก.พ.นั้นตนตกใจ เพราะการตรวจสอบของคณะกรรมาธิการสอบประวัติฯ ต้องทำงานที่มากกว่าการสอบประวัติ ความประพฤติ เพราะต้องตรวจสอบความเหมาะสมในการทำหน้าที่ต้องใช้เวลา อย่างไรก็ตาม กฎหมาย กสทช.มีความแปลกที่กำหนดให้เลือก กสทช.ภายใน 30 วันและในสมัยประชุมรัฐสภา ดังนั้น มีแนวทางให้เลือก คือ จะพิจารณาให้เสร็จภายในสมัยประชุมปัจจุบันที่จะปิดสมัย 28 ก.พ.หรือไปดำเนินการหลังจากการเปิดสมัยประชุมครั้งถัดไป เดือน พ.ค.ตนเชื่อว่าทำได้

ทั้ง 2 แนวทางมีผลกระทบแน่นอน เพราะหากเลือกแนวทางพิจารณาภายในสมัยประชุมนี้ จะทำให้เวลาทำงานของกรรมาธิการสอบประวัติ มีเพียง 10 วัน และอาจถูกตั้งประเด็นการตรวจสอบได้ แต่จะแก้ปัญหาการเกียร์ว่างของการทำงานของ กสทช. แต่หากใช้แนวทางเลือกสมัยประชุมหน้า จะมีปัญหาเรื่องสูญญากาศการทำงานของ กสทช.

ทั้งนี้ นายพรเพชร ชี้แจงว่า ตนงงกับกฎหมาย กสทช.ฉบับปัจจุบัน และร่างกฎหมาย กสทช.ที่อยู่ระหว่างพิจารณาในวุฒิสภา ว่าด้วยการให้อำนาจ ส.ว.ทำหน้าที่เห็นชอบ และให้เวลา 30 วัน ไม่มีข้อยกเว้นหรือทางเลือก แต่สัปดาห์ที่ผ่านมา พิจารณารายละเอียดและสอบถามจากเลขาธิการวุฒิสภา ระบุว่ากระบวนการตรวจสอบประวัตินั้นกฎหมาย กสทช.ไม่ได้กำหนด แต่การตรวจสอบประวัติต้องทำตามข้อบังคับการประชุมวุฒิสภา ข้อ 105

Advertisement

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการอภิปรายของ ส.ว.นั้นมีความเห็นว่าควรทำงานตามกรอบเวลาที่คณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการวุฒิสภา (วิปวุฒิ) ดำเนินการ และยึดตามกฎหมายที่ใช้บังคับปัจจุบัน เพื่อไม่ให้เกิดปัญหา

นายพรเพชร กล่าวว่า ให้ดำเนินการตามกรอบของกฎหมาย คือการตั้งคณะกรรมาธิการสอบประวัติ 15 คน และได้ปรับโควต้าคณะกรรมาธิการสอบประวัติ เพื่อเพิ่มกรรมาธิการฯสัดส่วนของ กมธ.สิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพและการคุ้มครองผู้บริโภค และ กมธ.เทคโนโลยีสารสนเทศ การสื่สารและการโทรคมนาคม ของวุฒิสภา หลังจาก ส.ว.โควต้า คือ นายวันชัย สอนศิริ ส.ว. และนายวัลลภ ตังคณานุรักษ์ ส.ว.ถอนตัว

ทั้งนี้ พล.อ.สมเจตน์ กล่าวตั้งข้อสังเกตถึงการตั้งคณะกรรมาธิการตรวจสอบประวัติฯไม่มีชื่อของ พล.อ.อู้ด ที่ผ่านมา พล.อ.อู้ดจะเป็นประธานคณะกรรมการตรวจสอบประวัติฯว่า เป็นความผิดปกติ ตนไม่เห็นด้วยที่ตั้งบุคคลซ้ำแล้วซ้ำอีก แต่ตนยอมรับการทำหน้าที่ของ พล.อ.อู้ด ดังนั้นอย่าทำให้เกิดเป็นเครื่องหมายคำถาม ผิดสังเกต ไม่เช่นนั้น ส.ว. จะไม่ได้รับความไว้วางใจจากสังคม ทำให้นายพรเพชร ชี้แจงว่า กมธ.ฯ ปกติมาโดยการเสนอชื่อ มีบางครั้ง กมธ.ไม่ลงตัว และมีบางครั้ง พล.อ.อู้ดไม่ได้รับการเสนอชื่อ

สำหรับการกำหนดกรอบเวลาทำงานของคณะกรรมาธิการฯ วิปวุฒิสภา เสนอ 15 วัน ทำให้ พล.อ.สมเจตน์ ทักท้วง ว่าการเร่งรัดเวลานั้นสะท้อนถึงความไม่ชอบมาพากลของกระบวนการ แต่ตนไม่ต้องการกล่าวหาใคร และขอให้แก้ไขวันทำงานเป็น 25 วัน ยึดตามกรอบเวลาที่เหลืออยู่ของกฎหมาย กสทช.ระบุว่าวุฒิสภาต้องลงมติเลือกภายใน 30 วันนับจากวันที่ได้รับบัญชีรายชื่อจากเลขาธิการวุฒิสภา คือ 3 ก.พ. ดังนั้น วุฒิสภาอย่าทำอะไรให้สังคมสงสัย ต้องตรงไปตรงมาตามกฎหมาย

“ผมได้รับข้อมูลมา แต่ไม่อยากกล่าวหากัน ผมยืนยันขอให้ใช้กรอบเวลา 25 วันและเมื่อทำเสร็จแล้วจึงเสนอให้วุฒิสภาพิจารณา และเป็นความรับผิดชอบของกรรมาธิการฯ การทำงานอย่าให้มีข้อสงสัย หรือทำให้เกิดเครื่องหมายคำถามกับสังคม ว่าเกิดระบบไม่ชอบในวุฒิสภา” พล.อ.สมเจตน์กล่าว

ทั้งนี้ มี ส.ว. อภิปรายสนับสนุนให้ยึดตามกรอบกฎหมาย 30 วัน อาทิ นายเสรี สุวรรณภานนท์ ส.ว. อภิปรายเสนอ 30 วันเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาและคำถามจากสังคม เช่นเดียวกับ พล.อ.ต.เฉลิมชัย อภิปรายว่าหากเวลาทำงานไม่แล้วเสร็จทันสมัยประชุม ให้ดำเนินการต่อในสมัยประชุมถัดไป

นายพรเพชร ชี้แจงว่าตนดูข้อกฎหมาย และหารือจนได้กรรมาธิการฯที่ดี และวิธีการที่ดี แต่เมื่อมีการเสนอก็ต้องดำเนินการ ตนไม่ทราบว่าไทม์ไลน์เป็นอย่างไร เพราะ 30 วันที่เสนอนั้นไม่เกี่ยวกับการลงมติของวุฒิสภา และหากต้องลงมติภายใน 30 วันด้วยเหตุใดก็ตาม สามารถดำเนินการได้ ทั้งนี้ กรอบเวลาที่กำหนด 25 วันนั้น หากกรรมาธิการฯทำไม่เสร็จ สามารถขอขยายเวลาต่อได้ ส่วนกรณีจะลงมติในช่วงการเปิดประชุมสมัยวิสามัญหรือไม่นั้น เป็นเรื่องของอนาคต ตนไม่ขอพูด เพราะเป็นเรื่องของอนาคต

จากนั้นเป็นการลงมติ กรอบเวลาการทำงานของคณะกรรมธิการสอบประวัติฯ ปรากฏว่าเสียงข้างมาก 128 เสียง เห็นชอบกับระยะเวลา 15 วัน ขณะที่ 68 เสียง เห็นตามเวลา 25 วัน งดออกเสียง 20 เสียง รวมเวลาที่ใช้พิจารณาเรื่องนี้ 2 ชั่วโมง 30 นาที

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image