‘ไพบูลย์’ ไม่ติดใจ หากญัตติตีความซักฟอก บรรจุวาระไม่ทัน เชื่อหากฝ่ายค้านอภิปรายก้าวล่วงสถาบัน อาจมีคนยื่นร้องศาลรธน.
วันที่ 10 กุมภาพันธ์ นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงการยื่นญัตติให้สภาผู้แทนราษฎรส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมวินิจฉัยญัตติขอเปิดประชุมสภาเพื่ออภิปรายทั่วไปโดยลงมติไม่ไว้วางใจ เนื่องจากมีเนื้อหาที่เชื่อได้ว่าเป็นปฏิปักษ์ต่อสถาบันเบื้องสูงและขัดต่อมาตรา 6 ของรัฐธรรมนูญ กล่าวว่า ยังไม่ได้รับการติดต่อให้เข้าชี้แจงรายละเอียดของญัตติดังกล่าว ต่อนายศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภา คนที่สอง ในฐานะผู้พิจารณากลั่นกรองญัตติก่อนบรรจุเข้าสู่ระเบียบวาระ อย่างไรก็ตาม หากตามกระบวนการญัตติดังกล่าวไม่ถูกบรรจุวาระตามที่ตนร้องขอ คือ วันที่ 11 กุมภาพันธ์ ก็ไม่ติดใจ เพราะถือว่าได้ยื่นและแสดงเนื้อหาให้ปรากฎแล้วว่า หากการอภิปรายไม่ไว้วางใจของพรรคร่วมฝ่ายค้าน นำเรื่องที่มิบังควร ซึ่งเกี่ยวเนื่องกับสถาบันเบื้องสูงเข้าสู่การอภิปราย อาจเข้าข่ายการดึงสถาบันที่มีสถานะอันเป็นที่เคารพสักการะ ผู้ใดจะละเมิดมิได้ ผู้ใดจะกล่าวหารือฟ้องร้องทางใดๆ ไม่ได้ และรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 มาตรา 6 บัญญัติไว้ชัดเจน การดึงสถาบันมายุ่งเกี่ยวกับการเมือง อาจทำให้มีปัญหาได้
เมื่อถามว่า จะถึงขั้นฟ้องร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ ในทำนองเดียวกันกับกรณีของพรรคไทยรักษาชาติหรือไม่ นายไพบูลย์กล่าวว่า ต้องรอฟังการอภิปรายอีกครั้ง แต่ตนเชื่อว่าหากการอภิปรายมีถ้อยคำที่เข้าลักษณะกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่เคยตีความไว้ หรือพบเนื้อหาของการอภิปรายซึ่งเป็นการกระทำที่ชัดเจนว่าจงใจนำสถาบันเบื้องสูงมายุ่งเกี่ยวกับการเมือง อาจเข้าองค์ประกอบ และอาจมีผู้ยื่นเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญได้
“ผมเชื่อว่าญัตติที่เสนอนั้น เป็นคำทักท้วงที่เป็นประโยชน์กับพรรคร่วมฝ่ายค้าน และขอให้พิจารณาการก้าวล่วงถึงสถาบันเบื้องสูงในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ แต่หากญัตติดังกล่าวไม่ได้รับการบรรจุในสภา สัปดาห์นี้ได้ ในสัปดาห์ถัดไปจะไม่สามารถบรรจุได้ เพราะตามระเบียบวาระเป็นเรื่องการอภิปรายไม่ไว้วางใจตามญัตติที่ฝ่ายค้านเสนอ โดยไม่สามารถแทรกเรื่องอื่นเข้าสู่การพิจารณาได้” นายไพบูลย์กล่าว
