‘พุทธิพงษ์’ ชี้ ผลักดันออก กม.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล โว ‘ไทย’ เป็นประเทศแรกๆ ในอาเซียนที่บังคับใช้แล้ว

‘พุทธิพงษ์’ แจงสภา ย้ำ รัฐบาลให้ความสำคัญปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลของประชาชน ชี้ ไทย บังคับใช้กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เป็นประเทศแรกๆ ในอาเซียน

เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ตอบกระทู้ถามทั่วไป เรื่อง ติดตามความคืบหน้าการแต่งตั้งคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญ และจัดตั้งสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ว่า กระทรวงดิจิทัลฯทำหน้าที่ในการเป็นเพียงสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เป็นคนกลางประสานในช่วงต้นเท่านั้น โดยความคืบหน้าของกระบวนการสรรหาประธานและคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลนั้น ทางคณะกรรมการสรรหา ทั้ง 8 คน ได้สรรหาจนครบ 10 คนแล้วตั้งแต่วันที่ 28 เม.ย.2563 ไม่ได้ล่าช้า แต่เนื่องจากยังมีข้อสอบถามจากภาคส่วนต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง จึงอยู่ในช่วงที่คณะกรรมการสรรหาจะต้องชี้แจงให้เกิดความชัดเจน ก่อนจะให้กระทรวงดิจิทัลฯนำเรื่องจากคณะกรรมการสรรหา ส่งให้ ครม.พิจารณา เพื่อนำไปสู่ขั้นตอนการประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป

นายพุทธิพงษ์กล่าวว่า รัฐบาลและกระทรวงดิจิทัลฯให้ความสำคัญกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของประชาชน เพื่อสร้างความมั่นคงปลอดภัยให้กับประชาชนผู้บริโภค จึงได้ผลักดันให้ออกกฎหมาย 2 ฉบับ คือ พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และ พ.ร.บ.ความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ พ.ศ.2562

นายพุทธิพงษ์กล่าวว่า ไทยถือเป็นประเทศแรกๆ ในอาเซียนที่ออกกฎหมายและเริ่มบังคับใช้แล้ว ซึ่งกฎหมายดังกล่าวจะช่วยป้องกันข้อมูลส่วนบุคคลของประชาชนผู้บริโภค รวมถึงภาครัฐ ภาคธุรกิจ เอกชน ให้รับการคุ้มครองจากผู้ไม่หวังดี หรือมิจฉาชีพ ที่พบว่าปัจจุบันมีการทำธุรกิจเกี่ยวกับการขายข้อมูลส่วนบุคคลเกิดขึ้นแล้ว โดยจะเจาะไปเอาข้อมูลผ่านการสมัครใช้งานแพลตฟอร์ม แอพพลิเคชั่น หรือเว็บไซต์ขายของออนไลน์ต่างๆ เป็นจำนวนไม่น้อย

Advertisement

ส่วนกรณีข้อมูลผู้บริโภครั่วไหลเมื่อเดือน พ.ย.2563 นั้น ได้เชิญบริษัทอีคอมเมิร์ซแพลตฟอร์มต่างประเทศมาสอบถาม ได้ข้อมูลว่า สาเหตุเป็นเพราะบริษัทคนกลางที่รับช่วงต่อบริการข้อมูลลูกค้าทำรั่วไหล จึงได้ให้สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (ETDA) กระทรวงดิจิทัลฯ จัดให้ลงทะเบียน และอบรมผู้บริการอีคอมเมิร์ซ มีผู้เข้าร่วมเกือบ 150 บริษัท โดยหลังจากนี้ หากพบการรั่วไหลของข้อมูลผู้บริโภคในจุดใด ก็สามารถเอาผิดต่อผู้ที่รับผิดชอบให้บริการตามกฎหมายได้ทันที เพราะถือว่ากฎหมายบังคับใช้แล้ว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image