ยกย่อง ท่าที ของชวน หลีกภัย ต่อ อภิปรายทั่วไป “ฝ่ายค้าน”
ไม่ว่าการออกโรง ของ นายไพบูลย์ นิติตะวัน ที่จะส่งญัตติขอเปิดอภิ ปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจให้ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยและตีความจะเสมอเป็นเพียง”ป้องปราม”
อันเป็นท่วงทำนองอย่างเดียวกันกับที่ ส.ส.คนหนึ่งของพรรคพลังประชารัฐเคยออกมาข่มขู่และคุกคาม
กล่าวไปแล้วก็เสมอเป็นเพียง “ยุทธวิธี” หนึ่งทางการเมือง
เป็นการช่วงชิงจากสถานการณ์ที่พรรคพลังประชารัฐกับ 250 ส.ว.เพิ่งประสบความสำเร็จจากการลงมตินำส่งร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐ ธรรมนูญ พ.ศ.2560 ไปยังศาลรัฐธรรมนูญ
กระนั้น สภาพที่ไม่ว่าจะมองจากทางด้านของรัฐบาล ไม่ว่าจะมองจากทางด้านของพรรคพลังประชารัฐ จักต้องยอมรับร่วมกันก็คือ “ยุทธวิธี” ในทางการเมืองครั้งนี้ไม่ได้รับการสนองรับ
ไม่เพียงแต่จะประสบกับ “ท่าที” อันแข็งกร้าว รุนแรงจากพรรค ร่วมฝ่ายค้านเท่านั้น สังคมเองก็แสดงท่าที “ปฏิเสธ”
ในที่สุดแล้วก็เป็นเครื่องพิสูจน์ว่ามี “ปัญหา” ดำรงอยู่
ภาพจากทางด้านรัฐบาลที่สะท้อนนับแต่ญัตตินี้ของพรรคร่วมฝ่ายค้านส่งไปถึงรัฐสภาเกิดขึ้นและดำรงอยู่นั้นเป็น 2 ภาพที่ขัดแย้งกัน อย่างสิ้นเชิง
ภาพหนึ่ง เป็นท่าทีอันเป็นชายชาติทหารซึ่งมาจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ
ขณะเดียวกัน ภาพหนึ่ง เป็นท่าทีลุกรี้ลุกรนทั้งที่ปรากฏผ่านคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) และบรรดา ส.ส.ของพรรคพลังประชารัฐ
เบื้องต้นเรียกร้องให้มีการปรับแก้ “เนื้อหา” และ “ข้อความ” ในญัตติ เมื่อพรรคร่วมฝ่ายค้านยืนยันอย่างเด็ดเดี่ยวว่าไม่ยอมเปลี่ยน แม้แต่ประโยคเดียว ถ้อยคำเดียว
จังหวะก้าวต่อไปคือการขู่ว่าจะนำเรื่องฟ้องศาลกล่าวหาว่าผิด ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112
ท่าทีทั้งหมดนี้มิอาจสยบให้ “ฝ่ายค้าน” หมอบราบคาบแก้วได้
ที่ต้องยกย่องเป็นอย่างสูงคือท่าทีของ นายชวน หลีกภัย ไม่ว่าในฐา นะประธานรัฐสภา ไม่ว่าในฐานะประธานสภาผู้แทนราษฎร ที่ยืนยัน และยืนหยัดในหลักการด้วยความมั่นแน่ว
เมื่อตรวจสอบข้อกฎหมายแล้วก็บรรจุญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเข้าสู่การประชุมและพร้อมเดินหน้าดำเนินการ
สอดรับกับความต้องการที่จะตรวจสอบของ “ฝ่ายค้าน”
นับแต่วันที่ 16 กุมภาพันธ์ เป็นต้นไป วินาทีแห่งการแสดงบทบาทในการตรวจสอบและควบคุมรัฐบาลก็เริ่มต้น