หน้า 3 วิเคราะห์ : จับตา บิ๊กตู่-9 รมต. ปะทะ ฝ่ายค้าน สมรภูมิซักฟอก เดือด

วันที่ 16-19 กุมภาพันธ์ สภาผู้แทนราษฎรมีวาระอภิปรายไม่ไว้วางใจ 10 รัฐมนตรี

รายชื่อรัฐมนตรีที่ถูกพรรคฝ่ายค้านกล่าวหา ประกอบด้วย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข

พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน

Advertisement

นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์

มีกำหนดลงมติวันที่ 20 กุมภาพันธ์

แม้ว่าก่อนหน้านี้ นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ จะยื่นญัตติขอให้ นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร นำญัตติส่งศาลรัฐธรรมนูญ และขอให้ชะลอการอภิปรายไม่ไว้วางใจไปก่อน

Advertisement

แต่ทั้งนายชวน ในฐานะประธานสภา และ นายวิรัช รัตนเศรษฐ ประธานวิปรัฐบาล ยังยืนยันว่า การอภิปรายไม่ไว้วางใจยังเดินหน้าต่อไป

ดังนั้น วันที่ 16-19 กุมภาพันธ์ จึงยังคงกำหนดการอภิปรายไม่ไว้วางใจ 10 รัฐมนตรีเป็นรายบุคคลเหมือนเดิม

การอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ ฝ่ายรัฐบาลออกอาการพอสมควร

การที่นายไพบูลย์ยื่นญัตติให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจนั่นประการหนึ่ง

อีกประการหนึ่งคือการจัดติวเข้มรัฐมนตรีที่เป็นเป้าหมายการอภิปรายไม่ไว้วางใจในวันที่ 13-14 กุมภาพันธ์

การดำเนินการครั้งนี้มีรัฐมนตรีตอบรับเกือบทั้งหมด จะมีก็เพียง พล.อ.ประยุทธ์ เท่านั้นที่ไม่ไปร่วม

นี่แสดงว่าการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ แตกต่างจากการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งที่แล้ว

หากมองความเคลื่อนไหวของพรรคฝ่ายค้าน ยิ่งตอกย้ำให้เห็นว่า การอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้แตกต่าง

พรรคฝ่ายค้านแสดงความมั่นใจในข้อมูลหลักฐาน ถึงขนาดประกาศว่าครานี้มี “ใบเสร็จ”

“ใบเสร็จ” ดังกล่าวสามารถทำให้รัฐมนตรีที่ถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจ 4 คนต้องขึ้นศาล

และยังมีความมั่นใจว่าข้อมูลของพรรคฝ่ายค้านสามารถนำไปสู่การปรับ ครม.ครั้งต่อไปได้

ยิ่งมองโค้งสุดท้ายก่อนศึกซักฟอกจะเริ่มต้น ดูเหมือนว่า พรรคฝ่ายค้านจะมีทีเด็ด

ทั้งพรรคเพื่อไทยที่จัดแถลงข่าวแย้มประเด็นอยู่เนืองๆ

ทั้งพรรคก้าวไกลที่ขออุบทั้งชื่อ ส.ส.ที่จะอภิปรายและประเด็นอภิปราย เพราะกลัว “ข้อสอบรั่ว”

รวมถึงพรรคฝ่ายค้านที่เหลือที่ดูมีความมั่นใจ

จากเวลาการบริหารราชการแผ่นดินของ พล.อ.ประยุทธ์ ผนวกกับการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาลชุดปัจจุบัน ถือว่าเป็นช่วงสุกงอมของการบริหาร

ข้อมูลต่างๆ ของการบริหารย่อมมีจุดพลาดจุดบกพร่องที่พรรคฝ่ายค้านสามารถรวบรวมมาได้

ทั้งเรื่องความล้มเหลว และเรื่องน่าสงสัยในความสุจริต

และจากการรับฟังข่าวสารตั้งแต่พรรคฝ่ายค้านยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ น่าเชื่อว่าพรรคฝ่ายค้านมีข้อมูลและหลักฐานเพียงพอสำหรับการกล่าวหา “ไม่ไว้วางใจรัฐมนตรี”

ประเด็นที่น่าสนใจคือ พรรคฝ่ายค้านที่มีข้อมูลอยู่ในมือเพียงพอแล้วนั้น จะปล่อยข้อมูลในการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้มากหรือน้อยเพียงใด

อีกประเด็นที่น่าสนใจคือ พรรคฝ่ายค้านที่มีความพร้อมมากกว่าการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งที่แล้วนั้น จะถูกแทรกแซงปั่นป่วนจากเกมการเมืองจนทำให้การอภิปรายไม่ไว้วางใจด้อยประสิทธิภาพลงได้มากหรือน้อยเพียงใด

ทั้งนี้เพราะพรรคร่วมรัฐบาล โดยเฉพาะพรรคพลังประชารัฐ พรรคประชาธิปัตย์ พรรคภูมิใจไทย ที่มีรัฐมนตรีของพรรคถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจ ย่อมต้องแสวงหากลยุทธ์เพื่อปกป้อง

การอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้จึงน่าสนใจ

น่าสนใจทั้งข้อมูลจากฝ่ายกล่าวหา และฝ่ายชี้แจง

ความน่าสนใจอีกประการในการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้คือ ความสุกงอมของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์

ก่อนหน้านี้ รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ถูกโจมตีเรื่องเศรษฐกิจ เกิดกระแสภายใน กระทั่งมีการปรับเปลี่ยนตัวรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ

มี นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ เข้ามาเป็นรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม นายสุชาติเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงแรงงาน นายอนุชา นาคาศัย เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เข้ามาร่วมคณะรัฐมนตรี

มาครั้งนี้ ก่อนการอภิปรายไม่ไว้วางใจเกิดขึ้น ได้บังเกิดกระแสเสียงจากพรรคพลังประชารัฐเรื่องเสียงโหวตให้กับ นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ

มีกระแสข่าวว่า อาจจะมี ส.ส. 30 คน ไม่พร้อมจะลงมติให้

ขณะเดียวกัน ข้อมูลการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีบางคนก็มีข่าวสะพัดว่าพรรคฝ่ายค้านได้มาจากพรรคร่วมรัฐบาล

กระแสข่าวดังกล่าวตอกย้ำความสุกงอมของการดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีบางตำแหน่ง

และตอกย้ำความต้องการเปลี่ยนแปลงในซีกของพรรคร่วมรัฐบาลด้วย

การอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้จึงน่าสนใจ

หากการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ พรรคฝ่ายค้านใช้ข้อมูลหลักฐานที่ได้มาอย่างมีประสิทธิภาพ

พรรคฝ่ายค้านสามารถปิดกั้นเกมพรรคฝ่ายรัฐบาลที่จะลดความน่าเชื่อถือของข้อมูลที่อภิปรายให้ประชาชนทั้งประเทศฟังได้

ข้อมูลหลักฐานดังกล่าวจะกลายเป็นดาบฟาดฟันใส่รัฐมนตรีที่ “การ์ดตก”

เมื่อผนวกกับความสุกงอมในการบริหารราชการแผ่นดินที่ถึงเวลาต้องมีการเปลี่ยนตัว หรือเกิดข้อบาดหมางทางการเมืองภายในพรรครัฐบาลด้วยกันมาก่อน

ยิ่งเป็นพลังเสริมส่งให้การปรับเปลี่ยนตัวรัฐมนตรีได้รับการขานรับมากขึ้น

ปัจจัยเหล่านี้ล้วนเสริมส่งให้การซักฟอกรัฐมนตรีร้อนแรง

สมรภูมิการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ ทั้งรัฐมนตรี และพรรคฝ่ายค้าน ต้องต่อสู้กันสุดฤทธิ์

การอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ ย่อมมีผลต่ออนาคตทางการเมืองของตัวเอง

เพราะรัฐมนตรีและฝ่ายค้าน ไม่มีใครอยากให้ตัวเองต้องตกเป็นเหยื่อของสถานการณ์

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image