“ตู่”โชว์ข้อดีไทย อันดับ 1 ประเทศทุกข์ทรมานน้อยสุด ที่2ของโลกยอดประเทศน่าลงทุน

‘บิ๊กตู่’ ขอสงครามเลิกพูดเรื่องอดีต ‘แฉ’ยุคคสช.ควบคุมตัว แต่ดูแลอย่างดี ปล่อยตัว แต่กลับขออยู่ต่อ สงสัยหนีหนี้ “ชี้”กลไกปปช.ยุทธการแมวอ้วน ปลุกปชช.ต้านทุจริต แจงยิบปฎิรูป กม.ให้สอดคล้อง ยุทธศาสตร์ชาติ เผยปรับปรุงกฎหมายอาญาลบข้อความหาคุกมีไว้ขังคนจน ภูมิใจประเทศไทยดีหลายด้านในสายตาโลก

วันที่ 16 ก.พ. การอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ที่รัฐสภา เวลา 19.10 น.ที่รัฐสภา พล.อ..ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ลุกขึ้นชี้แจงภายหลังนายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อชาติอภิปราย ว่า หลายเรื่องที่เป็นเรื่องเดิมๆทั้งก่อนที่ตนจะเช้ามา และเข้ามาแล้วพูดซ้ำเหมือนสามสี่ครั้งที่ผ่านมา ตนจำได้ว่าตรวจสอบไปทางกองทัพ สมัยปี 2557 ทราบว่าท่านก็อยู่ในสถานที่ควบคุมเช่นกัน และได้รับการดูแลเป็นอย่างดีพิเศษ ทั้งนี้เพื่อหยุดยั้งความรุนแรงที่เกิดขึ้น ซึ่งเกิดมาตั้งแต่ปี 2553 จะเห็นว่ามีเรื่องการเผาบ้านเผาเมือง มีการใช้ M 79 ยิงใส่เจ้าหน้าที่ และประชาชน เป็นสิ่งที่ประจักษ์ชัด และทุกคนทราบดีไม่อยากกล่าวย้อนหลังอีก “ผมจำได้ว่าได้ให้เจ้าหน้าที่ปล่อยให้กลับบ้าน แต่มีคนยืนยันและบอกว่าตัวท่านเองขออยู่ต่อ ยังไม่อยากกลับบ้าน ก็ไม่รู้ด้วยเหตุผลอะไร มีใครมาทวงหนี้หรือเปล่าก็ไม่รู้ ในสมัยนั้น ยืนยันว่าผมดูแลท่านดีเป็นพิเศษ เพราะฉะนั้นเลิกพูดได้แล้วเรื่องสมัยนู้น สมัยนี้ ขอร้องเถอะ”

นายกฯ กล่าวว่า ขอยืนยันว่าสิ่งที่รัฐบาลทำมีข้อมูลข้อเท็จจริง ไม่เว้นแม้แต่ปัญหาเรื่องเครื่องในหมู แต่รัฐบาลเราไม่ยอม ขอร้องว่าอย่าพูดโดยไม่มีหลักฐาน ในเรื่องของเศรษฐกิจ การเอื้อประโยชน์ เป็นเรื่องที่ต้องพูดทั้งมหภาค และจุลภาค แต่จะขอพูดในโอกาสต่อไป หลังฟังภาพรวมทั้งหมดแล้ว ส่วนประเด็นที่กล่าวหาว่าตน หรือรัฐบาลมีดัชนีวัดภาพลักษณ์การคอร์รัปชั่นสูงขึ้น จากองค์กรเพื่อความโปร่งใสนานาชาติ มีการเปิดเผยมาว่าค่าดัชนีชี้วัดการรับรู้การทุจริต หรือซีพีไอ ปี 2563 ประเทศไทยได้ 36 ตะแนน จาก 100 คะแนน เท่ากับปี 2561 จาก 180 ประเทศทั่วโลก ซึ่งคะแนนซีพไอ เป็นคะแนนวัดความรู้สึกของสังคมในเรื่องการทุจริตภาครัฐ เป็นการให้คะแนนจาก 9 องค์กรทั่วประเทศ ดังนั้น ที่ท่านกล่าวหาว่ามีกรทุจริตคอรัปชั่นมากขึ้นจากข่าวของป.ป.ช. ว่ามีเรื่องกล่าวหาจำนวนมากนั้น ขอยืนยันว่าในอดีตก่อนรัฐธรรมนูญ 2560 เรามีป.ป.ช.ที่มีหน้าที่ตรวจสอบการทุจริตเปรียบเสมือนแมวอ้วนๆ รับเรื่องทุกอย่าง ออกแบบเพื่อให้ประชาชนมีส่วนเรื่องในกระบวนการตรวยสอบการทุจริตให้มากขึ้น เปรียบเหมทอนมีแมว 60 ล้านตัว มาช่วยกันดูแลการตรวจสอบการทุจริต ซึ่งรัฐบาลสนับสนุนให้เกิดกระบวนการดังกล่าว สนับสนุนประชาชนให้ตื่นตัวไม่ปล่อยให้เกิดการทุจริต

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เรื่องของการปฏิรูปกฎหมายเพื่อให้เป็นไปตามยุทธศาสตร์ชาติ กฎหมายจากจำนวน 216 ฉบับ เสร็จแล้ว 50 ฉบับ คิดเป็นร้อยละ 23 ของกฎหมายที่เสนอทั้งหมด ซึ่งเป็นกฎหมายอำนวยความสะดวกการติดต่อภาครัฐ ซึ่งมี 84 ฉบับ เสร็จแล้วแก้ไขเสร็จแล้ว 44 ฉบับ การปฏิรูปกฎหมายและนำมาซึ่งการตอบโจทย์ด้านความโปร่งใส และการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนมากขึ้น ต่อไปนี้ต่อไปนี้รัฐบาลจะร่างกฎหมายอะไรต้องรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนที่เกี่ยวข้อง วิเคราะห์ผลกระทบจากกฎหมาย อย่างรอบด้าน พร้อมเปิดเผยผลการวิเคราะห์และการรับฟังความคิดเห็นต่อประชาชน เพื่อนำมาประกอบการพิจารณากฎหมายทุกขั้นตอน ต้องประเมินผลและเมื่อกฎหมายมีผลบังคับใช้ก็จะต้องมีการประเมินผล ของการใช้กฎหมายเป็นระยะด้วย

Advertisement

“กฎหมายที่รัฐบาลเห็นชอบและรอเข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภา คือรัฐบาลได้แก้ปัญหาที่กล่าวไว้ว่าคุกมีไว้ขังคนจน ให้คุกไม่ได้มีไว้ขังคนจน แต่มีไว้ขังคนที่กระทำความผิดร้ายแรง ต่อไปนี้ความผิดที่ไม่ใช่ความผิดร้ายแรงและไม่มีผลกระทบโดยตรงต่อความสงบเรียบร้อย จากความผิดทางอาญาจะถูกปรับเป็นความผิดทางวินัย แทนการปรับเป็นเงิน และกักขัง โดยไม่ลงในประวัติอาชญากรรม สามารถผ่อนชำระหรือทำงานบริการสังคมแทนได้ สิ่งที่เราไปทั้งหมดเป็นความพยายามของภาครัฐที่ต่อต้านการทุจริตคอรัปชั่น แม้จะไม่รวดเร็วได้ทุกอย่างทันใจนึกแต่ก็มีความก้าวหน้าและเห็นผลสัมฤทธิ์มากขึ้นทั้งนี้ ทราบกันหรือไม่ ประเทศไทยในสายตาโลก เป็นอย่างไร อันดับที่ 1 เป็นประเทศที่ดีที่สุดสำหรับการเริ่มต้นในปี 2563 อันดับที่ 2 ประเทศที่ดีที่สุดสำหรับการลงทุน 2020 และเป็นอันดับที่ 1 ประเทศที่ทุกข์ทรมานน้อยที่สุด อยากให้สิ่งเหล่านี้เดินหน้าในการขับเคลื่อนประเทศต่อไป ผมมีความรักความภาคภูมิใจในประเทศไทย เราจะมาถึงวันนี้ไม่ได้ถ้าไม่ได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วน “นานกฯกล่าว

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ส่วนคำถามที่ว่าทำไมการบริหารประเทศของพลเอกประยุทธ์จึงมีเงินค้างท่อจำนวนมาก ขอชี้แจงว่ารัฐบาลก่อนหน้าตนคงทราบดีว่าเป็นรัฐบาลใคร รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ 1 ตั้งแต่ปี 2558 เบิกจ่ายได้ 95% และในปี 2559 เบิกจ่ายได้ 95% ปี 2560 เบิกจ่ายได้ 96 เปอร์เซ็นต์ ปี 2561 ได้ 95 เปอร์เซ็นต์ ส่วนปี 2562 รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ 2 เบิกจ่ายได้ 97.61% ส่วนปี 2563 เบิกจ่ายได้ 60.71 เปอร์เซ็นต์ ทั้งนี้ได้มีการเพิ่มการจัดทำประสิทธิภาพในการใช้จ่ายงบประมาณ ผลการใช้จ่ายมีปริมาณสูงขึ้นแสดงให้เห็นว่ามีประสิทธิภาพในการใช้จ่ายงบประมาณ สาเหตุการเบิกจ่ายล่าช้าเป็นมานานแล้วเกิดจากปัญหาความพร้อมของพื้นที่กรรมสิทธิ์ที่ดิน ราคาที่ดินขาดการบูรณาการในระดับพื้นที่ ทำให้เกิดการซ้ำซ้อนกับหน่วยงานอื่น จึงต้องมีการปรับเป้าหมายเปลี่ยนแปลงรายการและยกเลิกรายการ นอกจากนี้การจัดซื้อจัดจ้างยังล่าช้า ซึ่งต้องมีการปรับรูปแบบการจัดซื้อจัดจ้าง ให้สอดคล้องกับความเปลี่ยนแปลงที่เปลี่ยนไป ยืนยันว่าทุกองค์การรัฐบาลยินดีสนับสนุน ก็ถือเป็นโครงการที่ทำให้คนไทยทั้งสิ้น แต่ต้องทำให้ถูกต้อง

 

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image