‘พิธา’ ถาม ‘บิ๊กตู่’ สั่ง ‘แรมโบ้’ แจ้งความ ‘อมรัตน์’ หรือไม่ จ่อสู้กลับด้วยข้อ กม. ชี้ภาพรวมอภิปรายต้องให้ ปชช.ให้คะแนน
เมื่อเวลา 08.50 น. วันที่ 18 กุมภาพันธ์ ที่รัฐสภา นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ให้สัมภาษณ์ถึงภาพรวมการอภิปรายไม่ไว้วางใจ 2 วันที่ผ่านมา ว่า ในภาพรวมเรายังยืนยันความเข้มข้นและเข้มแข็ง ให้เป็นไปตามหลักฐานและเหตุผลที่นำมาอภิปรายตามที่ได้ยื่นญัตติไป โดยจะอภิปรายอย่างมีวุฒิภาวะ ยึดตามข้อบังคับ และรัฐธรรมนูญ และได้ให้กำลังใจผู้ที่อภิปรายไปแล้ว รวมถึงคนที่กำลังจะอภิปราย ขอให้มีสมาธิอย่าหวั่นไหว อย่าได้กังวลต่อการประท้วง หรือการเสียดสี อย่าได้หลงกล ที่ผ่านมาเชื่อว่า ส.ส. ของพรรคทำได้ดี อาทิ นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรค ก.ก. ที่พอโดนยั่วโมโห ไม่ว่าจะเป็นเรื่องส่วนตัวหรือสิ่งที่อภิปราย จะเห็นว่าไม่ได้โต้ตอบอะไร
เรายังยึดในผลประโยชน์ของชาติและประชาชน อย่างเรื่องวัคซีน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ตอบไม่ค่อยตรงคำถามกับสิ่งที่เราพยายามพูดไป เรื่องการทุจริต เรื่องการเอื้อประโยชน์นายทุน การใช้นิติรัฐนิติธรรมไปเอื้อพวกพ้องของตนเอง การบริหารงานล้มเหลว ทั้งเรื่องวัคซีน แรงงานการลงทุน เศรษฐกิจ โดยในการอภิปรายวันนี้จะพูดเรื่องการทุจริตเชิงนโยบาย การใช้อำนาจของรัฐในการเอื้อนายทุน เอื้อพวกพ้องของตนเองจนทำให้ประเทศชาติเสียหาย
ส่วนกรณี นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรค ก.ก. มีคำถามต่อเรื่องของภาษี การไม่จ่ายค่าน้ำ ค่าไฟของนายกรัฐมนตรี ซึ่งนายกรัฐมนตรีไม่ได้ตอบโดยตรง นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ก็ไม่ได้ตอบโดยตรง เพราะเราไม่ได้พูดเรื่อง ที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าเป็นนายกรัฐมนตรีต่อได้หรือไม่ แต่เราพูดเรื่องศาลรัฐธรรมนูญยังไม่ได้วินิจฉัยกรณีของค่าน้ำ ค่าไฟ ภาษี และการรับผลประโยชน์เกิน 3,000 บาท เมื่อถามไปไม่มีการตอบ แต่จะปิดตาด้วยกฎหมายแทน
จะเห็นได้ว่า นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี พยายามใช้ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มาปิดปากนางอมรัตน์ ทั้งที่ความจริงแล้วเป็นเอกสิทธิ์ในการอภิปรายของ ส.ส. ตนได้คุยกับนางอมรรัตน์แล้วว่า ในฐานะหัวหน้าพรรคจะยืนเคียงข้างกับลูกพรรค ดังนั้น ให้นางอมรรัตน์รีบไปรับคำร้องมา จะได้รู้ว่าถูกร้องทุกข์กล่าวโทษอย่างไร เพื่อจะได้ให้ทีมกฎหมายของพรรคเตรียมต่อสู้ด้วยข้อกฎหมาย แต่ตอนนี้ที่เราสามารถทำได้ทันทีคือ จะถามไปยังผู้เสียหายโดยตรง คือนายกรัฐมนตรี ว่าเห็นด้วยกับการกระทำอย่างนี้หรือไม่ และได้มอบอำนาจไปหรือไม่ เพราะการกระทำแบบนี้คิดว่ามันไม่สง่างามสำหรับชายชาติทหาร และกับคนเป็นนายกรัฐมนตรี ที่จะทำอย่างนี้กับ ส.ส.ที่เป็นสุภาพสตรี
อย่างไรก็ตาม สำหรับการอภิปรายที่เหลืออีก 2 วัน พวกเราไม่กลัว ไม่หวั่น จะตั้งใจทำงานสู้เต็มที่ทุกเรื่อง และได้บอก ส.ส.ทุกคนในพรรคไปแล้ว ว่าไม่ต้องห่วง หัวหน้าพรรคและทีมกฎหมายยืนอยู่ตรงนี้ ถ้าได้เห็นคำร้องชัดเจนว่าเป็นการร้องทุกข์หรือกล่าวโทษ ทีมกฎหมายพร้อมจะใช้กฎหมายต่อสู้กลับทันที ยืนยันในเอกสิทธิ์ของ ส.ส.ที่จะต้องทำหน้าที่อภิปราย ควบคุมการบริหารราชการแผ่นดินตามญัตติที่ได้ยื่นไป
“2 วันแรกก็ประท้วงหนักไปแล้ว พอแล้ว ส่วนวันที่ 3 วันที่ 4 ที่เหลือนี้ ถ้ายังจะประท้วงอีก ก็ขอให้ประชาชนรู้ไว้เลยว่า นี่คือเกมทางการเมืองแบบเก่า ที่จะใช้ทำลายสมาธิผู้อภิปราย” นายพิธากล่าว
เมื่อถามว่า พรรครอบคอบแค่ไหนในประเด็นเกี่ยวกับสถาบัน ได้มีการกำชับอะไรหรือไม่ นายพิธากล่าวว่า ยังยืนยันว่านี่คือการอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีและรัฐบาล ดังนั้น การจะพูดอะไรเรายึดตามญัตติและข้อบังคับ โดยยืนยันว่าเรามีวุฒิภาวะด้วยเหตุด้วยผล และไม่ขัดรัฐธรรมนูญ ซึ่งวุฒิภาวะคนมาเป็นผู้แทนราษฎร เราไม่ตระหนกกลัว แต่จะทำหน้าที่เต็มที่ ส่วนการให้คะแนนในภาพรวมนั้นต้องให้ประชาชนให้คะแนนเอง แต่ในนามหัวหน้าพรรคถือว่าเกินความคาดหวังที่ทุกคนทำงานอย่างหนัก
เมื่อถามว่า หากการอภิปรายเข้าเรื่องสถาบัน และมีคนข้างนอกจับจ้องเพื่อฟ้องร้องนั้น นายพิธากล่าวว่า ย้ำว่าเราไม่ได้อภิปรายสถาบัน แต่อภิปรายนายกรัฐมนตรี รัฐบาลและวิธีปฎิบัติของรัฐบาบาล ส่วนการจะฟ้องร้องก็เป็นสิทธิ แต่ก็ต้องถามกลับว่าเสียหายเพราะอะไร ซึ่งเราต้องสู้การฟ้องปิดปากกลั่นแกล้งหรือไม่ แต่ยืนยันเป็นเหตุเป็นผล มีวุฒิภาวะ และไม่ทำให้สถาบันเสียหายแน่นอน