‘ประเสริฐ’ เปิดผังตัวละคร โยง ‘จุรินทร์’ รู้เห็นโกงถุงมือยาง แฉสัญญาลวง กินเงินอคส.

เปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจวันที่ 3 “ประเสริฐ” เปิดผังตัวละครทุจริตถุงมือยางโยงคนใกล้ชิด “จุรินทร์ – บัญญัติ- ปชป.ปูดทำสัญญาลวงแหกตาการซื้อขาย พร้อมงัดข้อมูลกมธ.พาณิชย์ ซัด “จุรินทร์” รู้เห็น เหน็บ ”บิ๊กตู่” ไม่กล้าปรับออก เพราะเป็นฐานเสียงให้เป็นนายกฯ ลั่นขอให้ไปแก้ที่ปปช.-ศาลคดีอาญาฯ

เมื่อเวลา 09.00 น.วันที่ 18 กุมภาพันธ์ ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มี นายศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาคนที่ 2 เป็นประธานการประชุม พิจารณาญัตติการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ต่อเป็นวันที่ 3 โดยก่อนเริ่มอภิปราย นายศุภชัยแจ้งว่า ฝ่ายค้านใช้เวลาอภิปรายไปแล้วทั้งสิ้น 27 ชม. 10 นาที 25 วินาที คงเหลือเวลาในการอภิปราย 22 ชม.58 นาที 44 วินาที

ต่อมา นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมา เลขาธิการพรรคเพื่อไทย อภิปรายว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทรโอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม บริหารราชการแผ่นดินล้มเหลว ผิดพลาด บกพร่องอย่างร้ายแรง ไร้ประสิทธิภาพ ไร้ภูมิปัญญา ไร้ความสามารถ ไม่มีความรอบคอบระมัดระวังในการใช้จ่ายเงินงบประมาณแผ่นดิน การบริหารราชการแผ่นดินของ พล.อ.ประยุทธ์ ก่อให้เกิดความเสียหายต่อประเทศชาติอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ทุจริตการขายถุงมือยางขององค์การคลังสินค้า (อคส.) มูลค่าความเสียหาย 2 พันล้านบาท ที่เกิดขึ้นโดยการกระทำของนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์กับพวก

“สิ่งที่ผมจะอภิปรายต่อไปนี้ ถือเป็นเรื่องชัดแจ้งว่า พล.อ.ประยุทธ์ปล่อยปละละเลยให้มีการทุจริต เพื่อสร้างความร่ำรวยให้กับตนเองและพวกพ้อง จนได้ชื่อว่าเป็นยุคที่มีการทุจริตเฟื่องฟูเบ่งบานมากที่สุด ขาดความรอบคอบ ไม่ปฎิบัติหน้าที่ด้วยความสุจิรต เปิดเผยปกปิดการกระทำความผิดของตนเอง และพวกพ้อง”

นายประเสริฐกล่าวต่อว่า เมื่อวันที่ 14 กันยายน 2563 พล.อ.ประยุทธ์ได้ออกคำสั่งย้าย พ.ต.อ.รุ่งโรจน์ พุทธิยาวัฒน์ อดีตรักษาการผู้อำนวยการคลังสินค้า ไปประจำสำนักนายกฯ และยังไม่ได้ดำเนินการใดๆ หากพิจารณาจากคำแถลงนโยบายที่ พล.อ.ประยุทธ์ ได้แถลงต่อรัฐสภา เรื่องการปราบปรามการทุจริตแล้ว พล.อ.ประยุทธ์ มักพูดเสมอว่า มีเรื่องอะไรต้องดำเนินการทำตามกฎหมาย เมื่อมีกรณีทุจริตถุงมือยาง พล.อ.ประยุทธ์​กลับนิ่งเฉย ไม่ใช้อำนาจที่มีอยู่ตรวจสอบ ยับยั้งการโอนย้ายถ่ายเทเงินของผู้ทุจริต ทั้งๆ ที่สามารถกระทำได้ ทำให้เงินจำนวน 400 ล้านบาท ที่อยู่ในบัญชีของผู้ทุจริต ก็คือบริษัทการ์เดียนโกลฟส์ จำกัด ได้หายไป จนปัจจุบันไม่มีเงินเหลือที่จะอายัดได้ การกระทำอย่างนี้ถือว่าเป็นเจ้าพนักงานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ และปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ

Advertisement

“ผมขอกล่าวหา นายจุรินทร์ บริหาราชการแผ่นดินบกพร่องล้มเหลว ไร้ประสิทธภาพ ไร้ภูมิปัญญา ไร้ความสามารถ ไร้คุณธรรม ไร้จริยธรรม ไร้ภาวะผู้นำ ไร้สำนึก ไร้ความรับผิดชอบ ลอยตัวหนีปัญหา เลือกปฎิบัติ พูดอย่างทำอย่าง ไม่ยึดถือหลักธรรมาภิบาล และไม่ปฏิบติตามหลักการบริหารบ้านเมืองที่ดี แต่งตั้งบุคคลที่ไม่มีคุณสมบัติ ความรู้ความสามารถ เพียงเข้ามาหาประโยชน์ให้กับตนเองและพวกพ้อง ในลักษณะแบ่งแยกหน้าที่กันทำ ทุจริตในหน่วยงานที่กำกับ มีพฤติกรรมฉ้อฉล ปล่อยปละละเลยให้มีการทุจริต ไม่มีความรอบคอบ ไม่ระมัดระวังในการดำเนินกิจกรรมต่างๆ เพื่อประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน ผลของการปฏิบัติและละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบทำให้หน่ยงานของรัฐคือ องค์การคลังสินค้า เกิดความเสียหายส่งผลกระทบต่อประเทศชาติ และประชาชนโดยส่วนร่วมอย่างร้ายแรง” นายประเสริฐกล่าว

นายประเสริฐกล่าวต่อว่า พล.อ.ประยุทธ์ และนายจุรินทร์ ได้บริหารราชการแผ่นดินให้เกิดความผิดพลาดเสียหายอย่างร้ายแรง กรณีคดีทุจิรตทำสัญญาลวงซื้อถุงมือยางของ อคส. จำนวน 500 ล้านกล่อง มูลค่า 112,500 ล้านบาท มูลค่าความเสียหายที่เกิดเกิดขึ้นแล้วคือ 2,000 ล้านบาท ยืนยันว่า ตนไม่มีเรื่องบาดหมางใจผู้ถูกอภิปรายแต่อย่างใด แต่ทำหน้าที่ของการเป็น ส.ส.ที่ต้องตรวจสสอบการทำงานของรัฐ เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน ซึ่งตนมีภาพประกอบ มีคลิปเสียง และอาจจะมีการกล่าวถึงบุคคล ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินทุจริตทั้งหมด และหากมีการฟ้องร้องกันในอนาคตตนมีความยินดีที่จะรับผิดชอบจากที่ตนได้อภิปราย

Advertisement

“เพื่อเป็นการชี้ให้เห็นถึงขั้นตอนต่างๆ ในการดำเนินการทุจริต จนในที่สุดเกิดความเสียหาย 2,000 ล้านบาท ผมขอเริ่มจากบุคคลที่เกิดข้องในการทุจริต และความสัมพันธ์ที่มีต่อนายจุรินทร์ คือ พล.อ.ประยุทธ์ ตามมาด้วยนายจุรินทร์ ซึ่งเป็นบุคคลที่ต้องรับผิดชอบเต็มๆ ในความเสียหายที่เกิดขึ้นคือ นายสุชาติ เตชจักรเสมา ประธานกรรมการ อคส. เป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ตั้งแต่วันที่ 29 มิถุนายน 2552 เพิ่งลาออกจากสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2561

“นอกจากนั้นนายสุชาติ ยังเป็นผู้ช่วย ส.ส.ของ นายบัญญัติ บรรทัดฐาน ส.ส.บัญชีรายชื่อ และอดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ว่ากันว่านายสุชาติรับใช้ท่านบัญญัติมาหลายปี เปิดปิดประตูรถให้เวลาท่านบัญญัติจะเดินทางไปไหนมาไหน นอกจากนั้นในปี 2558 นายสุชาติกับนายจุรินทร์ เคยเข้ารับการอบรมหลักสูตรผู้บริหารระดับสูงด้านการบริหารงานพัฒนาการเมืองมหานครรุ่นที่ นายจุรินทร์ยังแต่งตั้งพี่ชายแท้ๆ ของนายสุชาติ ชื่อนายพีระ ตรีชดารัตน์ เป็นที่ปรึกษา รมว.พาณิชย์ ลำดับที่ 24 และ นายจุรินทร์ได้ผลักดันนายสุชาติให้ดำรงตำแแหน่งประธานกรรมการ อคส. เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2563

“แต่นายสุชาติมีพฤติกรรมร่ำรวยผิดปกติ ซึ่งบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินที่นายสุชาติได้ยื่นแสดงต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) พบว่า รายได้ต่อปีมีแค่ 5 แสนบาท แต่มีทรัพย์สินรวมทั้งสิ้น ประมาณ 170 ล้านบาท มีนาฬิกาปาเต๊ะ 9 เรือน มีเงินให้กู้ยืมอีกหลายล้านบาท ซึ่งความสัมพันธ์ระหว่างรายได้กับทรัพย์สินแล้วไม่ค่อยสอดคล้องกัน นอกจากนั้น นายจุรินทร์ยังแต่งตั้ง นายสกลจิตติ์ นิธิ เป็นกรรมการ อคส.ซึ่งเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ตั้งแต่วันที่ 15 ตุลาคม 53 ลาออกเมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน 2562” นายประเสริฐกล่าว

นายประเสริฐกล่าวต่อว่า บุคคลต่อมา พ.ต.อ.รุ่งโรจน์ มีบทบาทอย่างยิ่งในการทำคดีผู้ชุมนุมทางการเมืองในอดีตเคยเป็นผู้กล่าวหา จ่านิว และยังเป็นอดีตผู้กำกับสอบสวน สน.ปทุมวัน หลังจากนั้นได้ลาออก มาอยู่ที่ อคส. มาเป็นผู้อำนวยการฝ่ายกฎหมายและคดี บุคคลต่อมา นายเกียรติขจร แซ่ไต่ ผู้อำนวยการฝ่ายขายองค์การคลังสินค้า บุคคลคนนี้เป็นผู้ประสานงานภายใน อคส.ที่ส่อไปในทางทุจริต ต่อมา นายสรายุทธ สายคำมี อดีต บก.ข่าวสายความมั่นคง ที่สำคัญเป็นคนสนิทประธานกรรมการ อคส. และมีความรู้จักกับ นายจุรินทร์ นายธณรัสย์ หัดศรี กรรมการบริษัทการ์เดียนโกลฟส์ ซึ่งเป็นบริษัทที่ทำสัญญาขายถุงมือยางให้ อคส. ซึ่งนายธณวัสย์มีประวัติคดีฉ้อโกง และคดีอาญาอื่นอีกหลายคดี รับสมอ้างผลิตถุงมือยางให้กับอคส.มูลค่า 112,500 ล้านบาท สมคบกับบุคคลใน อคส.โดยอ้างขอเบิกเงินล้วงหน้า 2 พันล้านบาท นี่คือบุคคลที่เกี่ยวข้องทั้งสิ้น

นายประเสริฐกล่าวว่า รายละเอียดการทำสัญญากับ บริษัท การ์เดียนโกล์ฟนั้น มีความน่าสงสัยคือ อคส.ต้องชำระเงินล่วงหน้า 2,000 ล้านบาท ให้ผู้ขายภายใน 3 วัน นับจากวันทำสัญญา และในสัญญาข้อ 7 ระบุว่า ให้ผู้ขายวางหลักประกันสัญญา 200 ล้านบาท มามอบให้ อคส.ภายใน 7 วัน ท่ากับบริษัท การ์เดียนโกล์ฟ เมื่อรับเงินจาก อคส.ไป 2,000 ล้านบาทแล้ว ก็นำเงิน 200 ล้านบาท มาทอนคืนให้ อคส.เป็นค่าหลักประกันสัญญา และยังเหลือเงินทอนอีก 1,800 ล้านบาท ผิดวิสัยการค้าที่ไม่มีใครทำกัน

นอกจากนี้ในสัญญาข้อ 1 ระบุว่า เป็นการซื้อถุงมือยางไนไตร แต่สัญญาข้อ 10 บอกให้ผู้ขายส่งมอบถุงมือยางไนไตรและถุงมือยางลาเท็กซ์ ทั้งที่ 7 บริษัทที่สั่งซื้อถุงมือยางจาก อคส.ไม่ได้สั่งถุงมือยางลาเท็กซ์ นี่คือเหตุผลที่กล่าวหาว่า การทำสัญญาซื้อขายถุงมือยางเป็นสัญญาลวง ฉากบังหน้า เพื่อนำเงิน 2พันล้านบาท ของ อคส.ออกจาก อคส. ที่นายสุชาติบอกว่า ทำเป็นการลับ เพื่อรอรัฐมนตรีมากดเดิน สัญญาดังกล่าวอคส.เสียเปรียบอย่างยิ่ง เพราะหลังจากทำสัญญาวันที่ 31 สิงหาคม 2563 แล้ว อคส.จ่ายเงินให้บริษัท การ์เดียนโกล์ฟ วันที่ 2 กันยายน 2563 ทั้งที่บริษัทยังไม่ส่งสินค้าแม้แต่ชิ้นเดียว และพ.ต.อ.รุ่งโรจน์ก็ไม่มีอำนาจลงนามในสัญญา เพราะมีวงเงินสูงกว่าอำนาจที่จะลงนามได้ ถือเป็นสัญญาอัปยศ ไม่มีใครหน้าโง่ทำสัญญาแบบนี้

นายประเสริฐกล่าวว่า ขณะเดียวกันยังพบว่า สัญญามีข้อพิรุธหลายประการ เพราะบริษัท การ์เดียน โกล์ฟฯเพิ่งจดทะเบียนจัดตั้งเมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 2563 ก่อนหน้าทำสัญญาแค่ 2 เดือน มีทุนจดทะเบียน 2 ล้านบาท ไม่มีประสบการณ์ผลิตถุงมือยาง แต่สามารถทำสัญญามูลค่า 112,500 ล้านบาทได้ อีกทั้งนายธณรัสถ์ หัดศรี กรรมการบริษัท เคยต้องคดีอาญา ฐานฉ้อโกงรวม 5 คดี ทำไม อคส.ไม่ตรวจสอบประวัติกรรมการบริษัทก่อน ตอนนี้ทราบว่าหนีไปแล้ว และที่ตั้งของบริษัท เป็นแค่อาคารเช่าอยู่ที่ จ.นครปฐม ปัจจุบันเปลี่ยนมือผู้เช่าใหม่ไปแล้ว ไม่ใช่บริษัท การ์เดียน โกล์ฟ และการทำสัญญาซื้อขายของ อคส. ไม่ผ่านการตรวจสอบจากสำนักงานอัยการสูงสุด

“ขอตั้งข้อสังเกตเพิ่มเติมว่า อคส.ทำสัญญาจ้างผลิตถุงมือยางราคากล่องละ 225 บาท แต่เอาไปขายให้ 7 บริษัท ในราคาขาดทุน กล่องละ 210 บาท จะทำไปทำไม และจะหาถุงมือยางจากไหนถึงจะได้ครบ เพราะคำสั่งซื้อถุงมือยางจาก 7 บริษัท จำนวน 826 ล้านกล่อง แต่กำลังการผลิตถุงมือยางในประเทศ มีไม่เกิน 300ล้านกล่อง แสดงให้เห็นถึงความโง่เขลาเบาปัญญาของผู้บริหาร ไม่โง่ก็บ้า”

นายประเสริฐกล่าวว่า ในวันที่ 26 สิงหาคม 2563 ที่มีการประชุมบอร์ด อคส. มีไฟล์บันทึกเสียงการประชุม ที่พ.ต.อ.รุ่งโรจน์ได้รายงานเรื่องการจัดทำสัญญาขายถุงมือยางต่อบอร์ด อคส.แต่นายสุชาติ ประธานบอร์ดอคส.พูดตัดบทว่า “อ้าว ต้องลับก่อน” ก่อนจะมีเสียงหัวเราะจากทั้งห้องประชุม ซึ่งการหัวเราะเหมือนมีนัยยะรู้กันว่า การซื้อขายถุงมือยางเป็นวาระลับพิเศษ และเมื่อมีบอร์ดท้วงติงเรื่องสัญญาซื้อขายมีมูลค่าสูงเกินอำนาจ ผอ.อคส. แต่นายสุชาติบอกว่า เป็นเรื่องลับ รอรัฐมมนตรีมากดเดิน ซึ่งเนื้อหาการประชุมช่วงนี้ ถูกลบออกจากบันทึกการประชุม เรื่องนี้ยังมีข้อพิรุธคือ ในช่วงที่ยังไม่มีการทำสัญญากับบริษัท การ์เดียนโกล์ฟ แต่ปรากฏว่า อคส.เตรียมอนุมัติเงินจ่ายก่อน โดย อคส.เห็นชอบให้ถอนบัญชีเงินฝากประจำก่อนครบกำหนดที่มีอยู่ 3,100 ล้านบาท เพื่อไปลงทุนซื้อขายถุงมือยาง เพราะเห็นว่าสร้างผลกำไรให้กับ อคส.ได้มากกว่าการได้รับดอกเบี้ยจากธนาคาร ทำให้ อคส.ไม่ได้รับดอกเบี้ยจากธนาคารเป็นจำนวนหลายล้านบาท ทั้งที่จะครบกำหนดได้ดอกเบี้ยใน 1-2 เดือนข้างหน้า

นอกจากนี้ยังมีข้อมูลจาก คณะกรรมาธิการ (กมธ.) พาณิชย์ ที่ได้ตรวจสอบทุจริตซื้อขายถุงมือยางระบุว่า ได้สอบถาม พ.ต.อ.รุ่งโรจน์ ที่ชี้แจงต่อ กมธ.ว่า ไม่ได้ทำคนเดียว มีผู้ประสานงานและประธานบอร์ด อคส.ที่เป็นคนสนิทนายจุรินทร์ทราบเรื่องเป็นอย่างดี และยังมีการอ้างว่า ได้รายงานให้ รมว.พาณิชย์ทราบด้วย

นายประเสริฐกล่าวว่า คดีนี้วงเงินทุจริตสูงถึง 2 พันล้านบาท กระทำโดยคนสนิทนายจุรินทร์ พฤติกรรมอุกอาจ นายจุรินทร์ต้องใช้อำนาจหน้าที่สั่งนายสุชาติรายงานข้อเท็จจริง แต่นายจุรินทร์ไม่ทำ ส่วน พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะเป็นหัวหน้ารัฐบาล ทราบเรื่องนี้มาโดยตลอด แต่ไม่ดำเนินการใดๆ กับนายจุรินทร์ นายสุชาติ หรือบุคคลอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง หากนายกฯไม่ดำเนินการใดๆ ต้องไปแก้ตัวที่ ป.ป.ช. และศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ตามความผิดประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และกฎหมาย ป.ป.ช. ในฐานะหัวหน้ารัฐบาล และชื่อว่านายกฯไม่กล้าปรับหรือดำเนินการตามกฎหมาย ทั้งที่กระทรวงพาณิชย์ เป็นตัวอย่างการทุจริตในรัฐบาล

“ผมเชื่อว่ามีการทุจริตอีกหลายกระทรวง เพราะเป็นฐานเสียงให้ดำรงตำแหน่งนายกฯ การกระทำนี้เป็นการวางแผนทุจริตอย่างเป็นระบบ เพื่อนำเงินหลวงมาเป็นของตัวเองและพวกพ้อง ขณะนี้เงิน 2000 ล้าน ได้อันตรธานหายไปจากบัญชีของ อคส.เรียบร้อยแล้ว ถือว่าเป็นการกระทำการทุจริตอย่างหน้าด้าน ไร้ยางอาย ปล้นชาติ โดยช่วยกันคิด แยกหน้าที่กันทำ แต่ร่วมกันหาผลประโยชน์อย่างไร้ยางอาย จึงไม่อาจไว้วางใจให้นายกฯ และนายจุรินทร์ บริหารราชการแผ่นดินต่อไป” นายประเสริฐกล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image