ก้าวไกล แฉนิพนธ์ เปลี่ยนสีผังเมือง เอื้อสร้างนิคมจะนะ กินกำไรค้าที่ดิน ป้อนนายทุน

‘ประเสริฐพงษ์’ ถล่ม ‘นิพนธ์’ ล้วงข้อมูลเปลี่ยนสีผังเมือง ยืมมือเครือญาติร่วมมือกลุ่มทุนใหญ่กว้านซื้อที่นิคมจะนะ อัดเป็นโครงการ ‘นายทุนคิด ทหารทำ นักการเมืองหาผลประโยชน์’

วันนี้ (18 ก.พ.) เวลา 15.00 น. ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มี นายสุชาติ ตันเจริญ รองประธานสภาฯคนที่ 1 เป็นประธานการประชุม พิจารณาญัตติการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ต่อเป็นวันที่ 3 โดย นายประเสริฐพงษ์ ศรนุวัตร์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) อภิปราย นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยกระทรวงมหาดไทย ไม่มีความซื่อสัตย์เอื้อประโยชน์ให้กับตนเองและพวกพ้อง ว่า โครงการนิคมอุตสาหกรรมจะนะ จ.สงขลา หรือ เมืองต้นแบบอุตสาหกรรมก้าวหน้าแห่งอนาคต เป็นโครงการที่มีผลประโยชน์แอบอยู่เบื้องหลังของนักการเมืองใหญ่อยู่ในพื้นที่ โครงการนิคมอุตสาหกรรมจะนะ แท้จริงไม่ใช่โครงการที่จะมีการพัฒนา แต่เต็มไปด้วยการทำลายทรัพยากรอาชีพเศรษฐกิจและพี่น้องชาวจะนะ กระทบการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ ทั้งการล่องเรือดูปลาโลมาสีชมพู ธุรกิจเลี้ยงนกเขาแข่งขัน และธุรกิจเกี่ยวเนื่องที่สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจไม่ต่ำกว่าปีละ 100 ถึง 500 ล้านบาท ก็คงจะเป็นแค่ตำนานให้ลูกหลาน

“นายนิพนธ์ บุญญามณี ในฐานะนายกอบจ. สงขลา ขณะนั้นได้แถลงต่อสภาอบจ.ไว้ วันที่ 5 กันยายน 2556 ว่าจะพัฒนาพื้นที่พลังงาน ท่าเรือน้ำลึก และอุตสาหกรรม ในพื้นที่อำเภอจะนะ นาหม่อม เทพา ซึ่งคนในพื้นที่รู้กันดีว่า มีการเอางบฯ อบจ. ไปลงในพื้นที่อำเภอแถบนั้นมากผิดปกติ กระทั่งต่อมา วันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2561 นายนิพนธ์ ในฐานะนายก อบจ. ได้เข้าพบนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจเวลานั้น เพื่อหารือแนวทางพัฒนาเศรษฐกิจของ 4 อำเภอของ จ.สงขลา ผ่านการลงทุนขนาดใหญ่ของเอกชน โดยยกระดับให้เป็นอุตสาหกรรมพลังงานครบวงจรหรือ Energy Complex จนนำมาสู่มติ ครม. วันที่ 7 พฤษภาคม 2562 ซึ่งเป็นมติ ครม. ทิ้งทวนของ คสช. หลังการเลือกตั้ง 24 มีนาคม 2562 ในช่วงที่อยู่ในสูญญากาศระหว่างการตั้งรัฐบาลใหม่ โดยได้มีเห็นชอบขยายผลโครงการเมืองต้นแบบสามเหลี่ยมมั่นคงมั่งคั่งยั่งยืนไปสู่พื้นที่ อ.จะนะ ดังนั้น การที่นายนิพนธ์ให้ข่าวว่าโครงการนี้เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2559 นั้นผิด เพราะเป็นตัวนายนิพนธ์เองที่เป็นคนวิ่งเต้นเอาโครงการจะนะไปสอดไส้โครงการเดิม เพราะโครงการเดิมตามมติ ครม. 2559 มีแค่ 3 พื้นที่คือ อ.หนองจิก จ.ปัตตานี , อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส และอ.เบตง จ.ยะลา แต่ไม่ได้มี อ.จะนะ รวมอยู่ด้วย

นายประเสริฐพงษ์ กล่าวว่า รัฐบาลนำโดย ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ หรือ ศอ.บต. ที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นประธาน ขายฝันกับชาวบ้านว่าจะมีการลงทุนบนพื้นที่ประมาณ 16,753 ไร่ เม็ดเงินลงทุน 18,680 ล้านบาท จะเกิดอุตสาหกรรมหนัก, อุตสาหกรรมเบา, เมืองที่อยู่อาศัยอัจฉริยะ, ศูนย์รวมและกระจายสินค้า, โรงไฟฟ้า 3,700 เมกกะวัตต์, และอื่นๆ อีกมากมาย มีการโฆษณาว่าจะมีการจ้างงานในพื้นที่ 100,000 ตำแหน่ง ซึ่งเป็นไปไม่ได้ เพราะหากประเมินจากสถานการณ์ปัจจุบันจะเห็นชัดเจนว่าต่างชาติหนีหาย ไม่มาลงทุน เนื่องจากเศรษฐกิจย่ำแย่ รัฐบาลล้มเหลว เป็นเผด็จการสืบทอดอำนาจ มีโรงงานปิดไปแล้วมากมาย ยิ่งเมื่อดูภาพความเป็นจริงโครงการข้างเคียง ทั้งนิคมอุตสาหกรรม Rubber City , นิคมอุตสาหกรรมสงขลา ล้วนแล้วแต่ร้าง

โดยนิคมอุตสาหกรรมสงขลา กนอ. ได้อนุมัติงบไปแล้วอย่างน้อย 1,280 ล้านบาท ไม่รวมเงินที่เช่าที่ธนารักษ์อีก 2,000 กว่าล้านบาท แต่มีคำขอส่งเสริมการลงทุนจริง 8 โครงการ คิดเป็นเงิน 1 ใน 10 ของที่ตั้งเป้าไว้เท่านั้น และเขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดนร้าง ไม่ได้เกิดขึ้นแค่ที่สงขลาเป็นที่แรก แต่เกิดขึ้นแบบเดียวกันทั่วประเทศ 10 เขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดน ที่เกิดขึ้นตามนโยบายของประยุทธ์ จันทร์โอชา ตั้งแต่สมัยปล้นอำนาจเป็นรัฐบาล คสช. ได้ใช้เงินภาษีประชาชนไปแล้วกว่า 47,000 ล้านบาท แต่การอนุมัติส่งเสริมการลงทุนของเอกชนแค่ 48 โครงการ 8,000 ล้านบาท ไม่ถึง 20% ของเงินลงทุน แต่นายนิพนธ์ พยายามเร่งรัดผลักดันโครงการนี้เหลือเกิน โดยเบื้องหลังโครงการจะนะคือกลุ่มทุนใหญ่ที่จะมาสร้างโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ น่าสงสัยที่ไม่ให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิต (กฟผ.) ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจ เป็นฝ่ายทำ แต่กลุ่มทุนนี้มีความสัมพันธ์ที่แนบแน่นกับนายนิพนธ์ และกลุ่มทุนนี้ก็เป็นกลุ่มทุนที่มอบเงินบริจาคโต๊ะจีนพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)

Advertisement

“ทำให้สงสัยว่าโครงการจะนะที่นายนิพนธ์ และศอ.บต. ที่พล.อ.ประยุทธ์ เป็นประธาน เกิดขึ้นเพื่อผลประโยชน์ของนายทุนหรือเพื่อใคร เพราะวันที่ 18 สิงหาคม 2563 ครม. มีมติ ให้กรมโยธาธิการและผังเมืองแก้ไขผังเมือง เพื่อเปลี่ยนพื้นที่ในสามตำบลในอำเภอจะนะ จากพื้นที่สีเขียวที่เป็นพื้นที่ชนบทและเกษตรกรรม และสีเขียวคาดขาวที่เป็นพื้นที่อนุรักษ์ป่าไม้ ซึ่งเดิมห้ามไม่ให้เอกชนตั้งโรงงงานที่ส่งผลกระทบกับสิ่งแวดล้อมก็ไปเปลี่ยนให้เป็นสีม่วงเข้ม หรือพื้นที่อุตสาหกรรมหนัก โดยการเปิดโปงของนักข่าว ตั้งคำถามเกี่ยวกับการกว้านซื้อที่ดิน โดยมีนักการเมืองระดับชาติ ที่คนในพื้นที่รู้กันดีเกี่ยวข้อง โดยดำเนินการในนามลูกชาย ทนายคนหนึ่ง และเครือญาติ ซึ่งนี่ทำให้ตนกล่าวหานายนิพนธ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ที่กำกับดูแลกรมที่ดิน” นายประเสริฐพงษ์ กล่าว

นายประเสริฐพงษ์ กล่าวว่า ข้อมูลการซื้อขายที่ดินจากเอกสารบนที่ดินและหนังสือสัญญาซื้อขายที่ดินสำเนาโฉนดที่ดินในพื้นที่ 3 ตำบลคือ ตำบลตลิ่งชัน ตำบลนา และตำบลสะกอม อำเภอจะนะจังหวัดสงขลาของเดือนมกราคม 2563 ซึ่งเป็นเดือนที่ครม. มีมติเปลี่ยนสีผังเมืองในพื้นที่จากสีเขียวเป็นสีม่วง ซึ่งทั้งหมดเกี่ยวข้องกับเครือข่ายของนายนิพนธ์เครือญาติใกล้ชิดฝั่งภรรยา ระบบการซื้อขายที่ดินก็น่าสงสัย เพราะ 48 ธุรกรรม ผู้ซื้อผู้ขายรายใหญ่เป็นกลุ่มทุน และนายหน้าที่มีความสัมพันธ์กับเครือญาติของนายนิพนธ์ แปลงที่ดินที่ทำการซื้อขายทั้งหมดอยู่ในพื้นที่ที่จะเปลี่ยนเป็นพื้นที่สีม่วง การรับซื้อที่ดินแบ่งเป็น 2 กลุ่มคือ เครือญาตินายนิพนธ์ 23 ธุรกรรม ราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 236,166 บาทต่อไร่ และกลุ่มทุนใหญ่ 25 ธุรกรรม ราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 602,608 บาทต่อไร่

Advertisement

นายประเสริฐพงษ์ กล่าวว่า นายนิพนธ์มีข้อมูลภายในให้เครือญาติให้กว้านซื้อที่ดินอย่างชัดเจน ราคาขายและราคารับซื้อที่ดินโดยกลุ่มต่างๆ ในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมจะนะ มูลค่าที่เพิ่มจากการพัฒนาของที่ดินส่วนใหญ่ตกอยู่ในมือของนายหน้าและนายทุน ถ้าคิดทั้งเมือง จะมีเม็ดเงิน 30,000 ล้านบาทตกอยู่ในมือของกลุ่มทุนใหญ่ที่ซื้อที่ดินนั้น ส่วนต่างที่ได้ ไม่ตกถึงมือชาวบ้านเลย นอกจากนี้ยังมีการซื้อขายที่ดินอำพรางระหว่างบริษัทลูกของนายนิพนธ์กับบริษัทกลุ่มทุนใหญ่นั้น โดยบริษัทเครือญาติของนายนิพนธ์ การที่ซื้อที่ดินกับกลุ่มทุนนั้นเหมาะสมหรือไม่

นายประเสริฐพงษ์ กล่าว หลังจาก ครม. มีมติ เดินหน้านิคมอุตสาหกรรมจะนะ คณะกรรมการยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (กพต.) ที่มี พล.อ. ประวิตร เป็นประธาน ประชุมวันที่ 21 ตุลาคม 2562 ซึ่งนายนิพนธ์ก็นั่งอยู่ในที่ประชุมแห่งนั้นด้วย ได้มีมติให้สำนักงานที่ดิน จ.สงขลา อ. จะนะ, อ. เทพา, อ. นาทวี สงขลา และ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ สนับสนุน การออกเอกสารสิทธิ์ที่ดินทำกินให้กับประชาชนเป็นการเร่งด่วน หลังมติ กพต. ออกมา นายนิพนธ์ก็รับลูกอย่างรวดเร็ว ผ่าน ศูนย์อำนวยการเดินสำรวจออกโฉนดที่ดิน จ.สงขลา-นครศรีธรรมราช เร่งดำเนินการออกโฉนดที่ดินในพื้นที่ โดยในปี 2563 งบฯ ของศูนย์ดังกล่าว อนุมัติเฉพาะ 4 ตำบล ต. นาทับ, ตลิ่งชัน, ป่าชิง, บ้านนา ซึ่งที่อยู่ในเขตสีม่วงทั้งหมด ซึ่งไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่ๆ เพราะ จ.สงขลามี 16 อำเภอ มีเพียง 4 อำเภอที่อยู่ในโครงการสำรวจออกโฉนด อ. จะนะมี 14 ตำบล มีเพียง 4 ตำบล ที่เป็นพื้นที่นิคมฯ ที่เป็นเป้าหมายการเดินสำรวจ ที่คิดว่าไม่ใช่เรื่องบังเอิญก็เพราะประกาศกระทรวงมหาดไทย ฉบับนี้ ลงนามโดยนายนิพนธ์ ก็เพื่อเป็นการรวบรวมที่ดิน นส. 3ก. ให้กลุ่มทุนนี้ไปออกโฉนดหรือไม่

นายประเสริฐพงษ์ กล่าวว่า นายนิพนธ์ ในฐานะนักการเมืองที่มีคนใกล้ชิดมีพฤติกรรมเอารัดเอาเปรียบประชาชน เหมาะสมกับจริยธรรมการเป็นนักการเมืองหรือไม่ นอกจากนี้ยังมีเรื่องร้องเรียนที่เจ้าหน้าที่พนักงานที่ดินออกโฉนดทับที่ดินชาวบ้าน ที่มีการอ้างว่ามีความสนิทชิดเชื้อกับนายนิพนธ์ ท่านกล้าเปิดให้มีการตรวจสอบหรือไม่ เบื้องหลังของนายนิพนธ์คือ เครือข่ายผลประโยชน์เนื้อที่ดินจะนะ เป็นข้อตกลงที่มีความเกี่ยวพันกับผลประโยชน์กับกลุ่มทุนและนายหน้า โครงการจะนะนี้จะส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและวิถีชีวิตของคนในพื้นที่ เมื่อชาวบ้านออกมาต่อต้านก็มีการส่งเจ้าหน้าที่และทหารเข้าไปห้ามปราม เป็นการสุมไฟความขัดแย้งให้เกิดขึ้นในพื้นที่ เป็นโครงการที่นายทุนคิด ทหารทำ นักการเมืองหาผลประโยชน์ สิ่งที่นายนิพนธ์ กำลังทำคือการทำลายวิถีชีวิตเศรษฐกิจ จิตวิญญาณของพี่น้องชาวจะนะเพื่อผลประโยชน์ของตนเองและพวกพ้อง

นายประเสริฐพงษ์ กล่าวว่า ทั้งนี้ภูมิหลังของนายนิพนธ์ เมื่อตอนเป็นนายก อบจ. สงขลา ก็ไม่โปร่งใส เพราะมีการละเลยต่อการปฏิบัติหน้าที่มีการโอนอนุมัติงบประมาณเบิกจ่ายค่ารถซ่อมบำรุงทางอเนกประสงค์ 2 คัน จำนวน 50.85 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังเบิกจ่ายเงินอุดหนุนไม่ชอบให้กับสมาคมกีฬาแห่งจังหวัดสงขลาประจำปีงบประมาณ 2558 และ 2559 รวมวงเงิน 63.3 ล้านบาท ไม่รู้ว่าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) เป็นเสาค้ำยันรัฐบาลหรืออย่างไร พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย จึงไม่ทำอะไรนายนิพนธ์ สรุปว่าท่านเป็นผู้มีมลทินติดตัวมัวหมองไปแล้ว หรือนี่คือประชาธิปไตยสุจริตตามรัฐธรรมนูญหรือไม่ หลักฐานคาหนังคาเขาขนาดนี้ไม่สามารถปกป้องคนผิดได้อีกต่อไป ส่วนพล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะนายกรัฐมนตรี ก็รู้อยู่แล้วว่านายนิพนธ์ มีประวัติไม่โปร่งใส และท่านก็อยู่ในฐานะหัวหน้าครม. ที่เป็นประธาน ศอ.บต. มีส่วนเป็นผู้ผลักดันโครงการอุตสาหกรรมจะนะที่เอื้อประโยชน์กลุ่มทุนมหาศาลด้วย

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image