09.00 INDEX คะแนนไว้วางใจ 270 เสียง ชี้ทิศทาง ชี้อนาคต ประยุทธ์

หลังคำประกาศ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ว่าพรรคพลังประชารัฐต้องไม่แตกแถว คะแนนที่เทให้กับรัฐมนตรีต้องแสดงความไว้วางใจ อย่างเป็นเอกภาพ

ความหมายอาจหมายถึง 121 ส.ส.ในสังกัดของพรรคพลังประชารัฐอย่างเป็นด้านหลัก

กระนั้น เมื่อเป็นคำประกาศของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ อัน กลายเป็นมติของพรรคพลังประชารัฐ ความหมายย่อมครอบคลุมไปถึงอีก 19 พรรคร่วมรัฐบาลด้วยโดยปริโยสาน

คำถามก็คือ หากรวมจำนวน ส.ส.ของ 20 พรรคร่วมรัฐบาลจากพรรคพลังประชารัฐกระทั่งถึงพรรคพลังธรรมหม่ รวมแล้วเท่ากับ 276 เสียง

Advertisement

นั่นก็คือคะแนนของรัฐมนตรีจะต้องไม่ต่ำกว่า 276 เสียง

นั่นก็คือ ไม่ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่ว่า นายสุชาติ ชมกลิ่น จะต้องได้รับความไม้วางใจไม่ต่ำกว่า 276 เสียงเท่ากัน

คำตอบจะเห็นได้ในการลงมติในวันที่ 20 กุมภาพันธ์

Advertisement

หากถือเอาจำนวนมาเป็นบรรทัดฐานก็ต้องยอมรับว่าภายใน 20 พรรคอันได้ชื่อว่าร่วมรัฐบาลที่มีอยู่ 276 เสียงมีความเหนือกว่าคะ แนนไม่ไว้วางใจของฝ่ายค้าน 211 อย่างเด่นชัด

กระนั้น ก่อนการลงมติไว้วางใจในวันที่ 20 กุมภาพันธ์ก็มีสภาพ ที่พลิกผันแปรเปลี่ยนให้ได้สัมผัสเรื่องแล้วเรื่องเล่า

การพลิกผันแปรเปลี่ยน 1 ก็คือ ที่ร่วมลงชื่อกับฝ่ายค้านมิได้มีแต่พรรคเพื่อไทย พรรคก้าวไกล พรรคเสรีรวมไทย พรรคประชาชาติ พรรคเพื่อชาติ พรรคพลังปวงชนไทยเท่านั้น

หากแต่ยังมี ส.ส.พรรคเศรษฐกิจใหม่จำนวนหนึ่ง หากแต่ยังมี ส.ส.จากพรรคไทยศรีวิไลซ์เข้ามาร่วมกับฝ่ายค้านด้วย นั่นย่อมทำให้ จำนวน ส.ส.ของรัฐบาลอาจลดเหลือ 270 คน

ขณะเดียวกัน การพลิกผันแปรเปลี่ยน 1 ยังมาจากเนื้อหาที่ฝ่าย ค้านนำมาแจกแจงตลอด 4 วันอันเข้มข้น

ผลย่อมทำให้คะแนนของรัฐมนตรีแต่ละคนไม่เหมือนกันได้

การลงมติ ไม่ว่าจะมองจากทางด้านของพรรคร่วมรัฐบาล ไม่ว่าจะมองจากทางด้านของพรรคร่วมฝ่ายค้าน จึงมีโอกาสสูงเป็นอย่างยิ่งที่จะเกิดการพลิกผันแปรเปลี่ยน

ไม่ว่าคะแนนของพรรคพลังประชารัฐ ไม่ว่าคะแนนของพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ว่าคะแนนของพรรคภูมิใจไทย

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image