ครม.เห็นชอบร่างนโยบายยาแห่งชาติ 20 ปี หวัง ปชช.เข้าถึงยามีคุณภาพอย่างทั่วถึง

ครม.เห็นชอบร่างนโยบายยาแห่งชาติ 20 ปี หวัง ปชช.เข้าถึงยามีคุณภาพอย่างทั่วถึง

เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 23 กุมภาพันธ์ ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ว่า ที่ประชุมเห็นชอบร่างนโยบายแห่งชาติด้านยาและแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบยาแห่งชาติพ.ศ.2563-2565 ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ซึ่งเป็นไปตามวิสัยทัศน์ “ประชาชนเข้าถึงยาจำเป็นที่มีคุณภาพอย่างทั่วถึง ใช้ยาสมเหตุผล ประเทศมีความมั่นคงด้านยา อย่างยั่งยืน” ภายใน 20 ปี โดยมีวันถุประสงค์เพื่อส่งเสริมให้ระบบควบคุมยามีประสิทธิภาพ และมีธรรมาภิบาล สอดคล้องกับค่าครองชีพและความสามารถในการจ่ายค่ายาของประชาชนและภาครัฐ มุ่งเน้นให้ประเทศมีความมั่นคงด้านยา สามารถผลิตและจัดหายาจำเป็นไว้ใช้ได้อย่างต่อเนื่องทั้งในภาวะปกติและฉุกเฉิน รวมทั้งเพิ่มความสามารถของอุตสาหกรรมผลิตยาในประเทศในการแข่งขันสู่ระดับสากล

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า ทั้งนี้ตามร่างนโยบายแห่งชาติด้านยาและแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบยาแห่งชาติฉบับดังกล่าวนั้น ได้มีการวางกรอบการดำเนินการผ่านยุทธศาสตร์ พันธกิจ และเป้าหมายตัวชี้วัดที่ครอบคลุมการส่งเสริมและพัฒนาทุกภาคส่วนอย่างรอบด้าน เช่น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องผ่านการประเมินศักยภาพจากองค์กรระดับสากลอย่างต่อเนื่อง จนถึงปี 2565 มีมูลค่าการผลิตยาชีววัตถุกลุ่มเป้าหมายเพิ่มขึ้นอย่างน้อยร้อยละ 10 และจำนวนผลิตภัณฑ์ยานวัตกรรมหรือส่งออกได้รับการอนุญาตอย่างน้อย 30 รายการต่อปี พร้อมทั้งได้กำหนดกลไกการติดตามความก้าวหน้าของการดำเนินงานผ่านการประชุมคณะกรรมการพัฒนาระบบยาแห่งชาติ 3-4ครั้งต่อปีด้วย

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า นอกจากนี้กระทรวงสาธารณสุขยังได้รายงานผลการดำเนินงานของนโยบายแห่งชาติด้านยาพ.ศ.2554 และยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบยาแห่งชาติพ.ศ.2555-2559 ด้วยว่า ส่วนใหญ่สามารถบรรลุผลสำเร็จตามเป้าหมายตัวชี้วัด เช่น จำนวนรายการยาจำเป็นที่มีปัญหาการเข้าถึงได้รับการแก้ไขอย่างน้อย 20 รายการ จำนวนรายการยาสามัญรายการใหม่ที่ผลิตในประเทศอย่างน้อย 30 รายการ การใช้ยาปฏิชีวนะอย่างไม่สมเหตุผลในโรคเป้าหมายลดลงอย่างน้อยร้อยละ 50 สัดส่วนมูลค่าการบริโภคยาสามัญที่ผลิตในประเทศเมื่อเทียบยานำเข้าเพิ่มขึ้นร้อยละ10

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า ยังมีการดำเนินงานบางส่วนที่ไม่บรรลุผลสำเร็จตามเป้าหมายตัวชี้วัด เนื่องมาจากปัจจัยหลายด้านเช่น จำนวนแผนงานโครงการที่มีจำนวนมาก ข้อจำกัดด้านทรัพยากรบุคคลและงบประมาณ และยังขาดวิธีการติดตามประเมินผลที่มีประสิทธิภาพ ส่งผลให้ไม่สามารถทราบความก้าวหน้าและปัญหาอุปสรรคในการดำเนินงาน รวมทั้งไม่สามารถปรับปรุงแก้ไขอย่างเหมาะสมได้

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image