ภท.รอฟังพปชร. ลงดาบส.ส.โหวตสวนมติพรรค ชี้เทียบกับเคส ‘โต้ง-แบด-แชมป์’ ไม่ได้

ภท.รอฟังพปชร. ลงดาบส.ส.โหวตสวนมติพรรค ชี้เทียบกับเคส ‘โต้ง-แบด-แชมป์’ ไม่ได้ เหตุตอนนั้นไม่ใช่มติพรรคร่วม ด้าน “สิริพงษ์” เผยโดนลงโทษหนักมาแล้ว 

เมื่อเวลา 17.40 น. วันที่ 23 กุมภาพันธ์ ที่พรรคภูมิใจไทย นายภราดร ปริศนานันทกุล ส.ส.อ่างทอง และโฆษกพรรคภูมิใจไทย แถลงว่า สืบเนื่องจากการลงมติอภิปรายไม่ไว้วางใจที่ผ่านมา ที่สมาชิกพรรคร่วมรัฐบาลบางท่านลงมติฝืนมติคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) และวานนี้ (22 ก.พ.) พรรคพลังประชารัฐประชุมเร่งด่วน และมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาพิจารณาบทลงโทษสมาชิก ที่ไม่ดำเนินการตามมติพรรคร่วมรัฐบาล โดยจะใช้เวลา 15 วัน เรื่องนี้พรรคภูมิใจไทยเคารพการตัดสินใจของพรรคพลังประชารัฐ โดยจะรอ 15 วัน ว่าคณะกรรมการดังกล่าวจะมีการดำเนินการอย่างไร ดังนั้น ระหว่างรอผลเราจะไม่ดำเนินการใดๆ ทั้งสิ้น แต่จะกำหนดท่าทีหลังจากนั้น

นายภราดรกล่าวอีกว่า ส่วนการนำกรณีที่เกิดขึ้นไปเปรียบเทียบกับ กรณีนายสิริพงษ์ อังคสกุลเกียรติ ส.ส.ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย ว่าสมัยที่โหวตเลือกนายกรัฐมนตรี สมาชิกท่านดังกล่าวโหวตงดออกเสียงไม่เลือกพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกฯ ซึ่งไม่สามารถนำสองเหตุการณ์นี้มาเปรียบทเทียบกันได้ เพราะเหตุการณ์ของนายสิริพงษ์เกิดขึ้นก่อนที่จะเป็นพรรคร่วมรัฐบาล วันนั้นไม่มีมติพรรคร่วมรัฐบาลหรือแม้แต่มติพรรคภูมิใจไทยก็ยังไม่มี ดังนั้น สองเหตุการณ์จึงนำมาเปรียบเทียบกันไมได้ หรือแม้แต่กรณีของตนกับนายกรวีร์ ปริศนานันทกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย โดยอ้างถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจสมัยที่แล้ว ตนและนายกรวีร์โหวตสวนมติพรรคร่วมในการให้โหวตเพื่อปิดอภิปรายขณะนั้น

ซึ่งกรณีดังกล่าวไม่ได้เป็นมติพรรคร่วมหรือวิปรัฐบาล เป็นเพียงเหตุการณ์เฉพาะหน้าที่เกิดขึ้นในเวลานั้น อย่างไรก็ตาม การกระทำของทั้งตน นายกรวีร์ และนายสิริพงษ์ ที่ผ่านมาพวกเราไม่เคยที่จะหาข้ออ้าง แต่ยืดอกรับว่าพวกเรากระทำผิดต่อมติพรรค และพร้อมรับโทษที่ทางพรรคได้กำหนดบทลงโทษ พวกเราไม่เคยปฏิเสธโทษที่ทางพรรคได้พิจารณา พวกเรากล้าทำก็กล้ารับ ไม่เคยอ้างว่ารู้เท่าไม่ถึงการณ์ ไม่เคยพูดว่าไม่เดียงสาทางการเมือง และไม่เพียงแค่เอ่ยคำขอโทษ แต่พวกเรารับคำวินิจฉัยของพรรคเมื่อพรรคลงโทษ พร้อมรับโทษทุกประการที่พรรคพิจารณา

Advertisement

ด้านนายสิริพงษ์กล่าวว่า สำหรับบทลงโทษที่ตนได้รับจากการลงมติสวนมติพรรคในการโหวตเลือกนายกฯ คือ ถูกตัดสิทธิจากตำแหน่งต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของวิป กรรมาธิการ (กมธ.) งบประมาณ ประธานกมธ.คณะต่างๆ งดการแสดงบทบาทภายในพรรค และงดการสนับสนุนพื้นที่เป็นเวลา 1 ปี เป็นต้น ซึ่งเป็นบทลงโทษที่หนัก

“ผมไม่เคยออกมาบอกว่าสงสารผมเถอะ ผมพูดเหมือนเดิมทุกครั้ง เพราะคำตอบของผมมีอยู่อย่างเดียว ผมเชื่อว่าคนที่ดูก็เห็นเจตนาอยู่แล้วว่าผมทำเพราะอะไร และเรารับผลอย่างไร กระทั่งคนในพื้นที่ผมที่จ.ศรีสะเกษ ยังรู้เลยว่าผมโดนอะไรบ้าง ดังนั้น บทลงโทษของพรรคมีอยู่ หน้าที่ของเราเราก็รับ สิ่งที่ผมจะบอกเขาคือถ้าเขาทำอะไรก็ต้องรอรับผลนั้นเหมือนที่พวกผมเป็น” นายสิริพงษ์กล่าว

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image