09.00 INDEX สัดส่วน และโควต้า รัฐมนตรี ความร้อนแรง เดือน ‘มีนาคม’
ไม่เพียงแต่หนังสือของ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐถึง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ จะปิดประตูใส่หน้ารัฐมนตรี “คนนอก” ที่จะเข้ามารั้งตำแหน่งในกระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจสังคม
หากคำถามอันแหลมคมมากยิ่งกว่านั้นก็คือ จะมีการคำนวณสัดส่วนของรัฐมนตรีแต่ละพรรคกันใหม่หรือไม่
เพียงแค่หนังสือของ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐก็ผลักรุนให้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ต้องเรียกประชุมคณะกรรมการบริหารอย่างเป็นการรีบด่วนแล้ว
เพราะแม้ด้านหนึ่งหนังสือนั้นจะมอบอำนาจให้กับ พล.อ.ประ วิตร วงษ์สุวรรณ ซึ่งเป็นหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ แต่อีกด้านหนึ่ง ยังเท่ากับเป็นการปฏิเสธอำนาจของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
แม้ว่าจะเคยมีความเชื่อว่ากระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเป็นโควต้าของ “นายกรัฐมนตรี”
ยิ่งเมื่อมีคำถามไปถึง “สัดส่วน” และ “โควต้า” ของแต่ละพรรคการเมืองยิ่งเพิ่มความร้อนแรง แหลมคมในการปรับครม.
เหมือนกับคำถามในเรื่องสัดส่วนและโควตาจะมาจากผู้สื่อข่าว แต่ก็สอดรับกับความรู้สึกและความต้องการลึกๆ ไม่ว่าจะจากพรรคพลังประชารัฐ ไม่ว่าจะจากพรรคภูมิใจไทย ไม่ว่าจะจากพรรคเล็ก
มีแต่เพียงพรรคประชาธิปัตย์เท่านั้นที่ในหัวใจเต้นระทึกด้วยความไม่แน่ใจในศักยภาพทางการเมืองที่มีอยู่ของตน
เมื่อปรากฏคำถามในเรื่องสัดส่วนและโควตาขึ้นขอให้สังเกตท่าทีและอารมณ์ของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เด่นชัดว่าเป็นท่าที ที่หงุดหงิดและเล็งเห็นปัญหาที่จะตามมาอย่างแน่นอน
เพราะกรณีของกปปส.ไม่เพียงแต่ทำให้สัดส่วนของพรรคพลังประชารัฐถดถอย สัดส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ลดน้อย มีก็แต่พรรคภูมิใจไทยเท่านั้นที่มีแต่เพิ่ม
มิได้เป็นการเพิ่มอย่างธรรมดาหากเพิ่มจาก 52 เป็น 61
ขณะที่กล่าวสำหรับ “กลุ่ม 3 รัฐมนตรีช่วย” หากต้องการยกระดับตนเองก็ต้องมี “เหยื่อ” มาเป็นเครื่องสังเวย
แนวโน้มที่เห็นอย่างเด่นชัดในห้วงต้นสัปดาห์แรกของเดือนมีนาคมก็ คือ ความเป็นไปได้ที่จะมีการเกลี่ยจาก 3 กระทรวงเดิมให้กระจายไปยังกระทรวงอื่น
การต่อสู้ในระยะกาลเดียวกันนี้จึงเป็นการต่อสู้ระหว่างฝ่ายที่ไม่ต้องการการเปลี่ยนแปลงกับฝ่ายที่ต้องการเห็นการเปลี่ยนแปลง
