ผู้เขียน | เดินหน้าชน |
---|
ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวของ ร.ต.อ.วิวัฒน์ เสริฐสนิท สังกัด สน.ธรรมศาลา เจ้าหน้าที่ตำรวจที่เสียชีวิตจากการทำหน้าที่ กรณีการชุมนุมของกลุ่มรีเดม (REDEM) เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
เชื่อว่าคงไม่มีใครอยากให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ และก็คงไม่สามารถไปโทษใครได้
เพราะเป็นการทำหน้าที่ของแต่ละฝ่าย ต่างเห็นว่าแนวทางของตนเองเป็นแนวทางที่ถูกต้อง
คงได้แต่ฝากถึงทุกคนที่เกี่ยวข้อง ควรระมัดระวังอย่าให้เกิดเหตุการณ์เศร้าสลดเช่นนี้อีก
ไม่ว่าจะจากการปะทะกันของทั้งสองฝ่าย หรือแม้แต่การเตรียมตัวและการดูแลของแต่ละฝ่าย
ฝ่ายเจ้าหน้าที่ตำรวจเอง เจ้านายก็ต้องคอยสอดส่องดูแลเอาใจใส่ตำรวจชั้นผู้น้อยที่เข้ามาปฏิบัติหน้าที่ มีปัญหาอะไร
ที่น่าเป็นห่วงหรือไม่
ฝ่ายผู้ชุมนุมก็ควรต้องหาวิธีดูแลผู้ชุมนุมที่ตัดสินใจเข้าร่วมชุมนุม
จะดูแลกันอย่างไรไม่ให้ลุกลามขยายวงจนไม่สามารถควบคุมได้
เพราะจะทำให้เกิดความชอบธรรมในการใช้กำลังเข้าสลายการชุมนุม
สิ่งสำคัญที่สุดเพื่อไม่ให้เหตุการณ์ลุกลามบานปลายในการชุมนุมทุกครั้ง
จะต้องไม่มีการใช้ความรุนแรงทุกรูปแบบอย่างเด็ดขาด
แม้ว่าการชุมนุมได้มีการพัฒนามาถึงจุดที่ไม่มีแกนนำ
จะด้วยสาเหตุแกนนำถูกจับกุมไปหลายคน
หรือเป็นกลยุทธ์ใหม่ในการชุมนุมก็ตาม
หากทุกฝ่ายไม่ช่วยกันหาทางแก้ปัญหาการใช้ความรุนแรงในการชุมนุมและการสลายการชุมนุม
เดาได้ไม่ยากว่าสถานการณ์จะนำไปสู่ความรุนแรงที่เพิ่มขึ้นอย่างไร
เพราะทุกคนต่างผ่านเหตุการณ์ความรุนแรงอันเลวร้ายครั้งแล้วครั้งเล่าในอดีตมาแล้ว
เราไม่ควรปล่อยให้สถานการณ์ดำเนินไปสู่จุดนั้น ซ้ำรอยประวัติศาสตร์อีก
ช่วง 30-40 ปีที่ผ่านมา ประเทศไทยมักมีประสบการณ์จากการชุมนุมของม็อบในรูปแบบที่มีการจัดตั้ง มีแกนนำ
มีระบบบริหารจัดการการชุมนุมในรูปแบบต่างๆ และยุทธวิธีทั้งแบบกองโจร แบบจรยุทธ์ในเมือง
เราจึงมีประสบการณ์เห็นการชุมนุมแบบนี้กันมาทั้งชีวิต
พอมาเจอรูปแบบการชุมนุมแบบใหม่ มาเจอม็อบไม่มีแกนนำ
หากยังใช้วิธีรับมือกับม็อบแบบเดิม ใช้น้ำฉีด แก๊สน้ำตา กระสุนยาง
นอกจากจะไม่ช่วยแก้ปัญหาได้แล้ว จะยิ่งทำให้ม็อบขยายวงกว้างออกไปอีก
เพราะกลุ่มผู้ชุมนุมส่วนใหญ่เป็นเยาวชนคนรุ่นใหม่ ไม่กลัวการกระทำของเจ้าหน้าที่
และจะเริ่มหาวิธีมาตอบโต้เจ้าหน้าที่รุนแรงมากขึ้น
ความจริงแล้ว หากการชุมนุมโดยผู้ชุมนุมปราศจากอาวุธ
เจ้าหน้าที่ไม่มีสิทธิใช้ทั้ง น้ำฉีด แก๊สน้ำตา หรือกระสุนยาง ทำให้ผู้ชุมนุมได้รับบาดเจ็บ
เพราะจะทำให้สถานการณ์ส่อเค้าบานปลายออกไปจนควบคุมยาก
สังเกตได้จากเหตุการณ์ก่อนหน้านั้น ทุกครั้งที่มีการฉีดน้ำ แก๊สน้ำตา เข้าใส่ผู้ชุมนุม
จนพัฒนามาเป็นเหตุการณ์วันที่ 28 ก.พ.ที่ผ่านมามีการใช้กระสุนยาง ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก
ทุกครั้งจะเห็นการปะทะกันรุนแรงมากขึ้น และอนาคตมีโอกาสถึงขั้นใช้อาวุธจริงกันได้
ทางที่ดีผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมือง ควรให้ความสำคัญกับเรื่องนี้อย่างจริงจัง
เพราะลำพังตำรวจชั้นผู้น้อยที่เผชิญหน้าผู้ชุมนุม ย่อมต้องทำตามคำสั่งเจ้านาย
ดังนั้นผู้ที่รับผิดชอบทั้งสองฝ่าย จะต้องศึกษาบทเรียนการปะทะกันครั้งนี้
แล้วเร่งหาทางแก้ไข เพื่อไม่ให้ต้องวนกลับไปที่เก่า ใช้ความรุนแรงกัน เกิดความสูญเสียเหมือนในอดีต
สุรพล สุประดิษฐ์ ณ อยุธยา