ตร.บุกยึดป้ายผ้า ม.ดัง หาดใหญ่ ชี้ต้องตรวจดีเอ็นเอหาคนทำ คณบดีนิติศาสตร์ท้วงไม่ฟัง จนท. อ้างมหาวิทยาลัยเป็นที่สาธารณะ ไล่คณบดีไปทบทวนกฎหมายใหม่
เมื่อวันที่ 3 มีนาคม ผศ.ธีรวัฒน์ ขวัญใจ ผู้ช่วยคณบดี คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ได้โพสต์ข้อความลงใน เฟซบุ๊ก เปิดเผยถึงเหตุการณ์ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้เข้าไปปลดป้ายภายในมหาวิทยาลัย โดยมีข้อความว่า
เช้าวันนี้เวลาประมาณสิบโมงครึ่ง ผมได้รับแจ้งจากนักศึกษาว่ามีตำรวจจำนวนมาค้นห้องเก็บของบริเวณชั้น 1 คณะนิติศาสตร์ อ้างว่าเป็นเรื่องเกี่ยวกับกรณีมีผู้นำป้ายผ้ามาแขวนไว้บริเวณสนามหญ้าหน้าคณะ จึงได้แจ้งต่อคณบดี ซึ่งกำลังสอนอยู่ คณบดีมอบให้ผมลงไปตรวจสอบ
เมื่อลงไปถึงพบว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำป้ายผ้าสองผืน มาแขวนไว้บริเวณแผงเหล็กที่ใช้ติดป้ายผ้าต่างๆ หน้าคณะ และถ่ายรูปไว้ ผมได้สอบถามสังกัด ทราบว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจจากสถานีตำรวจภูธรคอหงส์และตำรวจสันติบาล เมื่อถามว่าเก็บไปทำไม ก็ได้รับคำตอบว่า เป็นป้ายที่มีข้อความไม่เหมาะสม จึงมาเก็บไปตรวจสอบ และถามหาเจ้าของป้าย
สักครู่หนึ่ง ผู้กำกับ สภ.คอหงส์ มาถึงสถานที่ คณบดีจึงลงมาพูดคุยด้วย เจ้าหน้าที่ตำรวจอ้างว่ามีแผ่นป้ายสองในสามแผ่นอาจเข้าข่ายความผิดตามมาตรา 112 เมื่อทักท้วงว่า แผ่นป้าย 1 ในสามแผ่นไม่ได้มีข้อความใดๆ ที่จะโยงไปถึงสถาบันได้เลย แต่เป็นการวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของตำรวจเท่านั้น แต่ทางเจ้าหน้าที่ไม่ยอมรับฟัง ยังคงยืนยันว่าจะเก็บป้ายแผ่นนั้นเอาไปตรวจสอบ DNA เพื่อหาหลักฐานเชื่อมโยงกับผู้เขียนป้ายที่คาดว่าจะมีความผิด
หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มาถ่ายภาพในห้องเก็บของที่บริเวณชั้น 1 คณะนิติศาสตร์ จึงทำให้ทราบว่า ตอนที่เจ้าหน้าที่มาถึง แผ่นป้ายดังกล่าวไม่ได้ติดตั้งอยู่ที่สนามหญ้าตั้งแต่แรก แต่ถูกเจ้าหน้าที่ของคณะจัดเก็บมาไว้ในห้องเก็บของมาก่อนแล้ว และเมื่อเจ้าหน้าที่มาถึง ได้สั่งให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของคณะเปิดห้องให้ และทำการตรวจค้นและยึดแผ่นป้ายและพยานวัตถุอื่นๆ ไป คณบดีและผมได้ทักท้วงว่าการกระทำดังกล่าว เจ้าหน้าที่ใช้อำนาจโดยพลการ เนื่องจากไม่มีหมายค้น แต่เจ้าหน้าที่ (ผู้กำกับและรองผู้กำกับฯ หัวหน้าพนักงานสอบสวน) ยืนยันว่ามีอำนาจทำได้ เพราะเป็นเหตุเกี่ยวเนื่องกับการกระทำความผิด และคณะเป็นสถานที่ราชการ จึงเป็นสาธารณสถาน เจ้าหน้าที่สามารถตรวจค้นได้โดยไม่ต้องมีหมายค้น พร้อมกันบอกให้คณบดีไปทบทวนกฎหมายมาใหม่ แต่ในขณะนั้นป้ายทั้งหมดอยู่ในมือตำรวจแล้ว เราจึงไม่สามารถทำอะไรได้
จึงบันทึกไว้ เพื่อให้ทราบว่าเกิดอะไรขึ้นในเช้าวันนี้
