ส.ส.ชาติพันธุ์ ก้าวไกล อัดรัฐลุแก๋อำนาจ บุกจับกะเหรี่ยงบางกลอย สร้างบาดแผล ซ้ำเติมปัญหา
จากกรณีที่ น.ส.วราภรณ์ อุทัยรังษี ทนายความจากสมาคมนักกฎหมาย
ล่าสุด (5 มี.ค.) นายมานพ คีรีภูวดล ส.ส.บัญชีรายชื่อ สัดส่วนชาติพันธ์ุ พรรคก้าวไกล ได้โพสต์แสดงความเห็นถึงกรณีดังกล่าว โดยระบุว่า
หยุดลุแก่อำนาจ
อย่าสร้างบาดแผลความรุนแรงโดยรัฐ
ต่อชุมชนชาติพันธุ์ไปมากกว่านี้
ขณะนี้ได้ปรากฏข่าว การนำตัวชาวบ้านบางกลอย-ใจแผ่นดิน กลับลงมายังอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน และจะมีการดำเนินคดีกับกลุ่มชาวบ้านดังกล่าว
ซึ่งเหตุการณ์เช่นนี้ เป็นสิ่งที่ขัดแย้งอย่างสิ้นเชิง กับสิ่งที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และตัวแทนของรัฐบาล ได้ออกคำสั่งแต่งตั้งคณะทำงาน เพื่อศึกษาหาทางออก ต่อการแก้ปัญหา ที่กำลังอยู่ระหว่างการลงพื้นที่ศึกษาการแก้ปัญหา
ทั้งที่ควรอยู่ระหว่างกระบวนการแสวงหาข้อเท็จจริง เพื่อหาข้อสรุปร่วมกัน เพื่อมุ่งแก้ไขปัญหาดังกล่าว
แต่กลับมีการใช้ข้อมูลจากฝั่งหน่วยงานภาครัฐ ซึ่งมีข้อพิพาทกับชุมชนเอง และซ้ำร้ายยังมีการพาดพิงไปยังประเด็นการยุยงจากกลุ่มบุคคลอื่น อย่างไร้ข้อเท็จจริง เพื่อพยายามอ้างอิงการใช้ปฏิบัติการที่เต็มไปด้วยภาพสรรพกำลัง ที่เป็นสัญลักษณ์ของความรุนแรง ซ้ำเติมต่อกลุ่มประชาชน ที่กำลังเผชิญวิกฤตในการดำรงชีวิต ซึ่งไม่อาจปัดความรับผิดชอบได้ว่า ปมปัญหาครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งจากการดำเนินการของภาครัฐในอดีตอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
นี่กำลังตอกย้ำว่า การลงนามเพื่อแก้ไขปัญหาร่วมกันของรัฐมนตรีว่าการกระทรวง รัฐมนตรี ผู้แทนของรัฐบาล ผู้บริหารระดับสูงของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กับประชาชนถูกทำให้ไร้ความหมาย ไร้ซึ่งความจริงใจ ไม่สามารถเชื่อถือได้อีกและยังไม่เคยฟังเสียงจากหลายภาคส่วนในสังคม ที่พยายามนำเสนอแนวทางแก้ไขปัญหาอย่างที่ควรจะเป็น และมีแนวทางเชิงนโยบาย ที่สามารถดำเนินการได้
ทั้งที่ต่างมีความหวังว่า กรณีนี้ จะเป็นตัวแทนแห่งทิศทางการแก้ไขปัญหาข้อพิพาทยาวนาน ของชุมชนในเขตป่า ในยุคสมัยใหม่ได้
แต่ปรากฎว่าภาครัฐ กำลังจะสร้างรอยแผลประวัติศาสตร์ ข้อพิพาท ซ้ำเติมปัญหาของประเทศไทย ไม่ต่างจากยุคอดีตที่ผ่านมา
ขอให้หยุดลุอำนาจต่อชุมชนชาติพันธุ์บางกลอย-ใจแผ่นดิน และสำเหนียกต่อความรับผิดชอบ อย่าทำให้ตัวเองกลายเป็นบ่อเกิดความขัดแย้งในสังคมไปมากกว่านี้ เราจะไม่ปล่อยให้ประชาชนไม่ว่าจะเป็นชนชาติพันธุ์ใด ถูกปฏิบัติจากหน่วยงานรัฐลุแก่อำนาจ อ้างกฎหมายที่มิได้มุ่งสู่ความยุติธรรมและความเป็นธรรมให้แก่ประชาชนที่ถูกพรากสิทธิและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ซ้ำแล้วซ้ำเล่าเช่นนี้”