ชูป้าย ‘ศาลอย่าขวาง’ ไอลอว์ แจกเอกสารยัน รธน.เคยแก้มาแล้ว 2 รอบ ไร้เหตุรอบนี้แก้ไม่ได้
เมื่อวันที่ 5 มีนาคม เมื่อเวลาประมาณ 17.00 น. ที่จุดจอดรถตู้ฝั่งตรงข้ามห้างสรรพสินค้าฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต กลุ่มผู้ทำกิจกรรมเดินทะลุฟ้า ตั้งเวทีปราศรัยวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลในประเด็นต่างๆ มีการผลัดกันขึ้นปราศรัยของตัวแทนผู้ใช้แรงงาน รวมถึงตัวแทนโครงการอินเทอร์เนตเพื่อกฎหมายประชาชน หรือไอลอว์ ซึ่งกล่าวในประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งผ่านวาระ 2 เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา คือในวันที่ 24-25 กุมภาพันธ์ และวันที่ 17 มีนาคม รัฐสภาจะเปิดพิจารณาและลงมติในวาระ 3 แต่นายไพบูลย์ นิติตะวัน และนายสมชาย แสวงการ กลับยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่ารัฐสภาไม่มีอำนาจตั้ง ส.ส.ร.มาเขียนรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ไอลอว์ ได้นำเอกสาร ‘เขียนรัฐธรรมนูญใหม่ ให้ประชาชนตัดสินใจ’ มีเนื้อหา ระบุถึง 5 เหตุผลที่ต้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญอย่าขวางการตั้ง สสร. ดังนี้
1.การแก้รัฐธรรมนูญเป็นอำนาจอันชอบธรรมของรัฐสภา รัฐธรรมนูญปี 2560 บัญญัติว่า อำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทยโดยมีรัฐสภาเป็นผู้แทนปวงชนชาวไทย ดังนั้น รัฐสภาจึงมีความชอบธรรมที่สุดในการตัดสินใจเรื่องแก้รัฐธรรมนูญให้มี สสร.มาจัดทำรัฐธรมนูญใหม่
2.การแก้รัฐธรรมนูญต้องทำประชามติประชาชนเป็นผู้ตัดสินใจด่านสุดท้าย รัฐธรรมนูญ 60 กำหนดให้การแก้รัฐธรรมนูญต้องจัดให้มีการออกเสียงประชามติจึงเท่ากับว่าประชาชนจะเป็นผู้ตัดสินใจในด่านสุดท้าย หากประชาชนลงมติว่าต้องการเขียนรัฐธรรมนูญใหม่ ก็ไม่มีอำนาจใดใหญ่กว่านี้จะขวางได้
3.การยื่นศาลรัฐธรรมนูญเป็นเกมขวางการแก้ของ คสช. โดยคนของคสช. ผู้ที่ยื่นศาลรัฐธรรมนูญเพื่อขวางการแก้รัฐธรรมนูญ คือ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ พรรคหนุน คสช.กับ ส.ว. ซึ่งทั้ง 2 กลุ่มล้วนมีความยึดโยงกับคสช. และได้ประโยชน์จากรัฐธรรมนูญ 2560 จึงต้องขัดขวางการจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่
4.ที่มาของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญขาดความชอบธรรม ไม่ยึดโยงกับประชาชน ถูกคสช.แทรกแซง ที่มาของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ 7 ใน 9 คนมาจากการเห็นชอบของคสช.
5.การแก้รัฐธรรมนูญเพื่อตั้ง สสร. เคยทำมาแล้วอย่างน้อย 2 ครั้ง ได้แก่ การแก้รัฐธรรมนูญ ปี 2490 และ 2534 จึงไม่มีเหตุผลที่จะบอกว่าทำไม่ได้ในปี 2564
นอกจากนี้ ยังมีผู้นำกระดาษมีข้อความ ‘ศาลอย่าขวาง’ มาแจกให้ผู้ร่วมกิจกรรม สอดคล้องกับข้อความบนป้ายไวนิลบริเวณเวทีปราศรัย โดยผู้ชุมนุมร่วมกันชูข้อความดังกล่าวอย่างพร้อมเพรียง
