บิ๊กตู่ ยันปลดล็อกก่อนสงกรานต์ เร่งดันพาสปอร์ตวัคซีนโควิด-19

บิ๊กตู่ ยันปลดล็อกก่อนสงกรานต์ เร่งดันพาสปอร์ตวัคซีนโควิด-19

เมื่อวันที่ 9 มีนาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงแนวทางผ่อนคลายกิจการและกิจกรรม ลดความเข้มข้นของมาตรการป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19 ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ที่มีประชาชนจำนวนมากเดินทางกลับภูมิลำเนาและเดินทางท่องเที่ยว เมื่อวันที่ 8 มีค.ที่ผ่านมาว่า เปิดการสัญจรในทุกพื้นที่ จะต้องมีมาตรการรองรับว่าจะปกป้องโควิด-19 ได้อย่างไร กิจกรรมต่างๆ กำลังทยอยหารือในศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. รวมถึงกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงมหาดไทย และหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพราะเป็นกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับหลายกระทรวง หลายหน่วยงาน

สิ่งสำคัญที่สุดเป้าหมายสุดท้ายคือ ทำอย่างไรไม่ให้เกิดการแพร่ระบาดในระลอกใหม่ขึ้นมาอีก เพราะเป็นการเคลื่อนที่ของประชาชนจำนวนมากในช่วงสงกรานต์ ซึ่งอยากให้ช่วงสงกรานต์เศรษฐกิจเดินหน้า ทั้งเรื่องการค้าขาย การท่องเที่ยว โรงแรมต่างๆ ให้มีรายได้ เพื่อฟื้นฟูสร้างรายได้ที่หายไปช่วงที่มีการแพร่ระบาดโควิด-19 หลายอย่างกำลังดำเนินการอยู่ ซึ่งทันเวลา และจะมีความชัดเจนก่อนวันสงกรานต์แน่ เพื่อให้ทันต่อการวางแผนเดินทางล่วงหน้า รวมถึงการจองที่พักโรงแรม ไม่ใช่ประกาศตอนวันสงกรานต์

ส่วนเรื่องวัคซีนนั้น พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า เรื่องของวัคซีนได้ประชุมเร่งรัดพิจารณาพาสปอร์ตวัคซีนโควิด-19 องค์การอนามัยโลก (WHO)จะกำหนดมาตรฐานกลางออกมา เพื่อให้ทุกประเทศทั่วโลกได้ใช้มาตรฐานเดียวกัน เป็นพาสปอร์ตปกติ แต่จะดูเรื่องการฉีดวัคซีนครบหรือยัง เพื่อลดปัญหาการกักตัวในสถานที่รัฐกำหนด กำลังเร่งรัดดำเนินการอยู่ สำหรับเรื่องการนำเข้าวัคซีนเมื่อเช้าวันที่ 8 มีนาคม ได้เรียกผู้ประกอบการโดยเฉพาะโรงพยาบาลเอกชนหรือกลุ่มต่างๆ ที่จะนำวัคซีนเข้ามาในประเทศ ต้องเป็นวัคซีนที่มีการรับรอง และต้องชี้แจงได้ว่าวัคซีนได้มาได้อย่างไร จำนวนเท่าไหร่ มีการพูดคุยเจรจาถึงไหนอย่างไร เพราะหากเปิดให้นำเข้าโดยอิสระจะควบคุมกันลำบาก เนื่องจากวันนี้มันมีวัคซีนหลายตัวที่ยังไม่ผ่านการรับรอง ซึ่งยังไม่ทราบว่ามีการปลอมปนแล้วหรือยัง จึงจะต้องตรวจสอบให้ชัดเจน รัฐบาลไม่เคยปิดกั้นใคร เอื้อประโยชน์ให้ใคร นั่นคือสิ่งที่ดำเนินการมาตลอดในทุกๆเรื่อง

Advertisement

ขณะที่ พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. เปิดเผยวันเดียวกันว่า การประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติในวันเดียวกันนี้ ได้หารือเรื่องการกำหนดมาตรการผ่อนคลายอื่นโดยเฉพาะการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ เพื่อนำเสนอต่อที่ประชุม ศบค.ชุดใหญ่ วันที่ 15 มีนาคมนี้ แบ่งออกเป็นระยะๆ คือ ระยะแรก เดือนเมษายน เสนอมาตรการผ่อนคลายที่สอดคล้องกับสถานการณ์และจำนวนผู้ได้รับวัคซีนป้องกันโควิด-19 ทั้งประเทศ และในวันที่ 1 เมษายน อาจพิจารณาปรับสีพื้นที่แต่ละจังหวัด ไปจนถึงหารือมาตรการกักตัวของผู้เดินทางจากต่างประเทศ และการพิจารณาประกาศใช้พระราชกำหนด (พ.ร.ก.) การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ถึงวันที่ 31 พฤษภาคม 2564 และใช้พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) โรคติดต่อ ในระยะที่ 2 คือวันที่ 1 มิถุนายน

“ในช่วงเทศกาลสงกรานต์หลายพื้นที่ผ่อนคลายและเตรียมจัดกิจกรรมต่างๆ แล้ว ได้มอบหมายให้กระทรวงวัฒนธรรมหามาตรการ วิธีการจัดประเพณีสงกรานต์วิถีใหม่ ขณะที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาก็หามาตรการท่องเที่ยวอย่างปลอดภัย โดยย้ำผู้ประกอบการและนักท่องเที่ยวปฏิบัติตามมาตรการควบคุมป้องกันโรคอย่างเคร่งครัด โดยในสัปดาห์นี้ ศบค.ได้ทบทวนเรื่องมาตรการผ่อนคลายเพื่อเสนอต่อ ศบค.ชุดใหญ่ ที่จะประชุมในวันที่ 15 มีนาคมนี้ หากเที่ยวสงกรานต์อย่างระวัง ถ้าการ์ดตก ตัวเลขติดเชื้อเพิ่มขึ้น อาจจะต้องเว้นสงกรานต์อีก จะเศร้ากัน” พญ.อภิสมัย กล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image