การนัดหารือระหว่าง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ และ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา เมื่อวันที่ 8 มีนาคม
สำคัญ
สำคัญไม่เพียงเพราะข่าวชัยชนะที่พรรคพลังประชารัฐมีต่อพรรคประชาธิปัตย์ในสนามเลือกตั้งซ่อม เขต 3 นครศรีธรรมราช เท่านั้น
หากแต่ยังมี “แนวโน้ม” อันพึงระวังจาก “ม็อบ”
ใครก็ตามที่ได้ยินเสียง “บ่น” อย่างหงุดหงิดของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เพราะเสียงอันดังมาจากผู้ชุมนุมบริเวณหน้าทำเนียบรัฐบาล
ก็จะ “เข้าใจ” และสัมผัสได้ในความเป็นจริง
ความเป็นจริงที่อุบัติแห่ง “ม็อบ” มิได้เห็นจากบริเวณหน้าทำเนียบรัฐบาลเท่านั้น หากยังมีที่หน้ากระทรวงการคลัง หน้ากระทรวงเกษตรและสหกรณ์
รวมถึงหน้า “ศาลสถิตยุติธรรม” อีกด้วย
มีความแตกต่างอย่างแน่นอนระหว่างการชุมนุมของ “ประชาชน” ณ บริเวณโดยรอบทำเนียบรัฐบาลและกระทรวงทบวงกรมต่างๆ
กับการชุมนุมบริเวณ “หน้าศาล”
ความแตกต่างมิได้อยู่ที่ว่า การชุมนุมตามกระทรวงทบวงกรมต่างๆ เป็นเรื่องของ “เศรษฐกิจ” ชีวิตความเป็นอยู่
ขณะที่บริเวณหน้าศาลเป็นเรื่องของ “การเมือง”
หากนำเอาสถานการณ์จากที่เคยเกิดขึ้นในปี 2563 โดยเริ่มจาก “เยาวชนปลดแอก” กระทั่งพัฒนายกระดับเป็น “คณะราษฎร”
ก็ต้องยอมรับว่าเริ่มน้อยลงในต้นปี 2564
แต่เมื่อเข้าสู่เดือนกุมภาพันธ์ ไม่ว่าจะเป็น #บางกลอย ไม่ว่าจะเป็น #ม็อบเกษตรกร กลับกลายเป็นเรื่องอึกทึกครึกโครมขึ้นมา
ประสานเข้ากับ #ม็อบ13กุมภาพันธ์
อุบัติแห่งการไหลไปรวมกัน ณ บริเวณโดยรอบทำเนียบรัฐบาล สร้างความหงุดหงิดให้กับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อย่างไม่ต้องสงสัย
ไม่ว่าในเรื่อง “ประเด็น” ไม่ว่าในเรื่อง “เสียง”
แต่ที่ทำท่าว่าสถานการณ์ความรุนแรงจะเริ่มทวีและเพิ่มอัตราเร่งถี่ขึ้นเป็นลำดับ นั่นก็สัมผัสได้จากสถานการณ์ #ม็อบ13กุมภาพันธ์ ไปยังสถานการณ์ #ม็อบ28กุมภาพันธ์
การเผยแสดงของ #ม็อบ28กุมภาพันธ์ ต่างหากที่ไม่ควรมองข้าม
เพราะเป็นการปรากฏขึ้นในสภาพที่บรรดา “แกนนำ” ไม่ว่า นายอานนท์ นำภา ไม่ว่า นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ และล่าสุด นายไผ่ ดาวดิน ล้วนถูกควบคุมตัวเข้าเรือนจำ
#ม็อบ28กุมภาพันธ์ เกิดขึ้นพร้อมกับแนวทาง “ไร้แกนนำ ไร้เวที ไร้การ์ด”
การเกิดขึ้นของสถานการณ์ #ม็อบ28กุมภาพันธ์ ชวนใจหายใจคว่ำอย่างยิ่งอยู่แล้ว เมื่อตามมาด้วยสถานการณ์ #ม็อบ 6 มีนาคม
ยิ่งชวนให้สงสัยว่าจะสกัด ขัดขวางอย่างไร
ในเมื่อทั้ง #ม็อบ28กุมภาพันธ์ และ #ม็อบ6มีนาคม ยืนยันหลักการ ไม่มีแกนนำ ไม่มีเวที ไม่มีการปราศรัย ไม่มีการ์ด มีแต่ “มวลชน” เท่านั้น
แล้ว “คฝ.” จะถือกระบองไปจัดการกะใคร
เมื่อไม่มี “แกนนำ” การขึ้นของ “ม็อบ” จึงเป็นเรื่องและการตัดสินใจของ “มวลชน” ที่ยากยิ่งกว่านั้นก็คือ ความยุ่งเหยิงในการสาวไปยัง “ท่อน้ำเลี้ยง”
เนื่องจากดำเนินไปในแบบ “ออร์แกนิค” โดยสิ้นเชิง