‘หญิงหน่อย’ ชง 7 มาตรการด่วน เรียกความเชื่อมั่นนักลงทุน มุ่งสร้างเศรษฐกิจไทยแข็งแกร่ง

‘หญิงหน่อย’ ชง 7 มาตรการด่วน เรียกความเชื่อมั่นนักลงทุน มุ่งสร้างเศรษฐกิจไทยแข็งแกร่ง

เมื่อวันที่ 10 มีนาคม คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานสถาบันสร้างไทย เสนอ 7 มาตรการเร่งด่วนในการสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุนไทยและต่างประเทศของกลุ่มสร้างไทย โดยระบุว่า กลุ่มสร้างไทยขอเสนอ 7 มาตรการเร่งด่วน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุนไทยและต่างประเทศ ในการเร่งฟื้นเศรษฐกิจไทย ขณะที่สภาพเศรษฐกิจไทยทรุดหนักกว่าประเทศต่างๆ ในอาเซียน ความสามารถในการแข่งขันแทบไม่มีเหลือ

คุณหญิงสุดารัตน์ระบุว่า ข่าวเวียดนามโตแรงแซงไทย ทำให้คนไทยทุกคนต้องกลับมาทบทวนว่าปัจจัยใดที่ถ่วงประเทศไทยให้เติบโตได้ช้ากว่าที่ควรจะเป็น และเราจะหลุดออกจากกับดักประเทศรายได้ปานกลางด้วยวิธีการใด ทั้งนี้ ข้อมูลของศูนย์ศึกษาการค้าระหว่างประเทศ ม.หอการค้าไทย รายงานว่า แนวโน้ม GDP ปี 2564-2568 ของเวียดนามอยู่ที่ 6.5-7.0% ส่วนไทยอยู่ที่ 3.0-3.7%, การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ของเวียดนามมีมูลค่าอยู่ที่ 16,120 ล้านดอลลาร์ ส่วนไทยอยู่ที่ 4,816 ล้านดอลลาร์, การส่งออกของเวียดนามมีมูลค่า 282,655 ล้านดอลลาร์ ส่วนไทยอยู่ที่ 231,648 ล้านดอลลาร์

คุณหญิงสุดารัตน์กล่าวว่า เมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เวียดนามยังประกาศเป้าหมายการพัฒนาประเทศอีกว่าภายในปี 2573 จะเป็น “ประเทศกำลังพัฒนา มีรายได้ปานกลางระดับสูง” และภายในปี 2587 จะเป็น “ประเทศที่พัฒนาแล้ว” ดัชนีนวัตกรรมโลกพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ ถือเป็นอันดับ 1 ในกลุ่มประเทศรายได้ปานกลางค่อนข้างต่ำ แรงงานมีความรู้ในด้านวิทยาศาสตร์และวิศวกรรม ดึงดูดบริษัทข้ามชาติให้เข้ามาตั้งศูนย์วิจัยและพัฒนาในเวียดนาม

Advertisement

“ขอเรียนย้ำว่า ประเทศไทยของเราได้ก้าวสู่การเป็นประเทศกำลังพัฒนา รายได้ปานกลางระดับต่ำ ในปี 2531 และตั้งเป้าหมายเป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว ภายในปี 2580 กล่าวคือเราใช้เวลากว่า 49 ปี เพื่อไปถึงจุดนั้น ขณะที่เวียดนามตั้งเป้าหมาย และมุ่งมั่นขยับเส้นให้สำเร็จสามระยะ นับจากวันนี้ก็คือภายใน 23 ปีข้างหน้า เพื่อก้าวสู่การเป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว

“ทั้งหมดนี้เป็นกระจกส่องประเทศของเราอย่างเหลือเชื่อว่าปัจจัยใดถ่วงประเทศ จนขยับก้าวเดินต่อไปไม่ได้ กลุ่มสร้างไทย ขอเสนอ 7 มาตราการเร่งด่วน เพื่อกำหนดเป้าหมายการพัฒนาประเทศ ทั้งทางเศรษฐกิจ การพัฒนาคน และการฟื้นฟูความเชื่อมั่น ต่อความโปร่งใส และระบบนิติรัฐของประเทศไทย ดังต่อไปนี้

“1.ปฏิรูประบบคิดของราชการ จากการทำตัวเป็นผู้กำกับควบคุม (คือทั้งกำกับและควบคุม) มาเป็นผู้สนับ ‘สนุนส่งเสริม’ ให้ประชาชนทำมาหากิน ได้อย่างสะดวก 2.การ ‘ปฏิรูปกฎหมาย’ ที่ซ้ำซ้อน และเป็นอุปสรรคต่อการดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจ การออกกฎหมายใหม่ที่ส่งเสริมการค้าและการลงทุน สำหรับคนตัวเล็กให้เร็วที่สุด

Advertisement

“3.เร่งดำเนินการเรื่องข้อตกลงการค้าเสรี เพื่อโอกาสของการส่งออกสินค้าไทย เช่น ในขณะนี้เวียดนามมีข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) 16 ฉบับกับ 53 ประเทศ ส่วนไทยมีเพียง 14 ฉบับกับ 18 ประเทศ 4.ให้ความสำคัญกับการพัฒนาคน การพัฒนาระบบการศึกษา ส่งเสริมให้เด็กได้รับการศึกษาถ้วนหน้า ต้องทำให้เด็กไทยมีความรู้ที่จะเป็น ‘พลเมืองของโลก’ มีความรู้เรื่องภาษา เทคโนโลยีสมัยใหม่ และส่งเสริมให้เกิดนวัตกรรมใหม่ๆ ส่งเสริมให้เกิดสตาร์ตอัพ

“5.พัฒนาแรงงานไทยให้มีความรู้และทักษะ ตรงความต้องการของผู้ประกอบการ บริษัทข้ามชาติต่างๆ จึงจะเข้ามาลงทุนในประเทศไทย 6.ต้องสร้างความมั่นใจให้นักลงทุนเรื่องความโปร่งใส ธรรมาภิบาล และความเป็นนิติรัฐของรัฐบาล และระบบราชการไทย และ 7.เร่งปรับปรุงการบริหารราชการเข้าสู่ E-Government อย่างแท้จริง”

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image