สนช.ตั้งกมธ.แก้ระบบ’ขรก.’เล่นพวก ชงเป็น’วาระแห่งชาติ’เร่งรื้อใน120วัน

เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ ที่รัฐสภา ในการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ที่มีนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธาน สนช. ทำหน้าที่ประธานการประชุม ได้มีมติเป็นเอกฉันท์ 170 เสียง เห็นชอบญัตติให้ตั้งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาศึกษาการแก้ไขปัญหาระบบอุปถัมภ์ในระบบราชการไทยให้เป็นรูปธรรม ที่ พล.ร.อ.ศักดิ์สิทธิ์ เชิดบุญเมือง สมาชิก สนช.ได้เสนอ ว่าระบบราชการประกอบด้วยข้าราชการพลเรือน ตำรวจ ทหาร และเจ้าหน้าที่รัฐอื่นๆ จำนวนกว่า 2 ล้านคน เป็นพลังสำคัญในการขับเคลื่อนนโยบายและมาตรการของรัฐบาลในการบริหารบ้านเมืองให้สำเร็จลุล่วงและมีประสิทธิภาพ และตั้งแต่ปี 2545 ได้มีการปฏิรูประบบราชการครั้งใหญ่ได้มีกฎหมาย ระเบียบกฎเกณฑ์ต่างๆ มากมายเพื่อให้การบริหารราชการเป็นไปอย่างมีคุณธรรม แต่ปรากฏว่าผู้มีอำนาจในระบบราชการกลับไม่ได้ยึดถือปฏิบัติอย่างจริงจังเคร่งครัด ส่งผลให้เกิดความเสียหายต่อระบบราชการและประเทศชาติ ทั้งนี้ ผลการวิจัยของธนาคารโลกในปี 2556 พบว่าประสิทธิผลของรัฐบาล ปัญหาคอร์รัปชั่นในระบบราชการไทยตกอันดับลงไปจากเดิม ขณะที่ผลการสำรวจของนักธุรกิจของเวิลด์ อีโคโนมิค ฟอรั่ม ได้จัดอันดับระบบเล่นพรรคเล่นพวกหรือระบบอุปถัมภ์ของข้าราชการไทยอยู่ที่อันดับ 93 จาก 148 ประเทศ ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งของความไร้ประสิทธิภาพระบบราชการไทย

พล.ร.อ.ศักดิ์สิทธิ์กล่าวว่า ระบบอุปถัมภ์เกิดจากสภาพปัญหาของสังคมไทย และคนไทยที่นิยมยกย่องนับถือคนรวย นิยมการเคารพยกย่องและห้อมล้อมผู้ใหญ่ผู้มีอำนาจ นิยมการประจบสอพลอชอบยึดถือตัวบุคคลมากกว่าหลักการ ซึ่งระบบอุปถัมภ์อยู่คู่สังคมไทยมานายหลายร้อยปี จนกลายเป็นค่านิยมและวัฒนธรรมที่ไม่ดีของคนไทย ระบบนี้อาจมีชื่อเรียกหลายอย่าง เช่น ระบบชุบเลี้ยง ระบบเล่นพรรคเล่นพวก นอกจากนี้ ระบบอุปถัมภ์ยังเอื้อประโยชน์ให้นำไปสู่การทุจริตคอร์รัปชั่นที่เพิ่มมากขึ้นในระบบราชการไทย ดังนั้น สนช.จึงควรศึกษาว่าระบบอุปถัมภ์ในระบบราชการจะส่งผลเสียหายต่อประเทศชาติและระบบราชการอย่างไร และนำเสนอแนวทางแก้ไขปัญหาที่เป็นรูปธรรมนำไปสู่วาระแห่งชาติให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องได้ร่วมกันตระหนักและแก้ไขอย่างจริงจังโดยใช้เวลาศึกษาเป็นเวลา 120 วัน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image