‘ทิพานัน’ ดักคอพรรคการเมือง-ม็อบ อย่าเป็นอีแอบหลบหลังชาวบ้าน

‘ทิพานัน’ ดักคอพรรคการเมือง-ม็อบ อย่าเป็นอีแอบหลบหลังชาวบ้าน ห่วงชาวบางกลอยเป็นเหยื่อทางการเมือง ย้ำทูต 10 ปท.ลงพื้นที่เห็นกับตาแล้วต่างพอใจการดำเนินการของรัฐ เตือนทุกฝ่ายอย่าสุมฟืนใส่ไฟความขัดแย้ง

น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ อดีตรองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวว่า มีกระแสข่าวว่าแกนนำกลุ่มราษฎรบางคนเริ่มระดมเงินและสิ่งของเพื่อสนับสนุนการชุมนุมของชาวบางกลอยที่ปักหลักชุมนุมเรียกร้องให้แก้ไขข้อพิพาทชุมชนกะเหรี่ยงบางกลอย อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรีว่า เป็นห่วงชาวบางกลอย จะตกเป็นเหยื่อทางการเมือง ทั้งที่มีเจตนารมณ์บริสุทธิ์ แต่บรรดากลุ่มต่างๆ ดูเหมือนจะมีความพยายามยื่นมือเข้ามาเกี่ยวข้อง ด้วยความปรารถนาดี หรือประสงค์ร้าย หรือต้องการโหนกระแส เหมือนจะช่วยแก้ปัญหาแต่ดูเหมือนว่ายิ่งแก้ ยิ่งยุ่ง ดังนั้นจึงขอวิงวอนให้พรรคการเมือง และกลุ่มเคลื่อนไหวทางการเมืองต่างๆ อย่าฉวยโอกาสเอาความทุกข์ของชาวบ้านมาเป็นเครื่องมือในการขับเคลื่อนเพื่อเป้าหมายของตนเอง อย่างไร้มนุษยธรรม แทรกแซงกระบวนการการแก้ไขปัญหาของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งพยายามเจรจาเพื่อหาทางออกดังนั้น ตนเชื่อว่าจะต้องมีทางออกที่ดีที่สุดสำหรับชาวบางกลอย

“เข้าใจว่าในสถานการณ์ที่แกนนำม็อบถูกจับกุมตัว แกนนำแถว 1-2-3 ทยอยถูกดำเนินคดี ทำให้ม็อบเริ่มฝ่อ แต่ฝ่ายการเมืองไม่ควรฉวยโอกาส ผลักดันประเด็นปัญหาของชาวบางกลอยขึ้นมาแทนที่ หวังเป็นอีแอบให้ชาวบ้านบางกลอยออกหน้าให้กับพรรคการเมืองอย่างใจดำอำมหิต” น.ส.ทิพานันกล่าว

น.ส.ทิพานันกล่าวว่า ทั้งนี้ทั้งนั้น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นห่วงในประเด็นการแก้ไขปัญหาชาติพันธุ์บางกลอยมาโดยตลอดและพยายามดูแลอย่างเต็มที่ เพื่อให้ชาวบางกลอยให้มีที่อาศัยและที่ดินทำกินและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ซึ่งที่ผ่านมากลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยงในพื้นที่บ้านโป่งลึก-บางกลอยได้รับการจัดสรรที่ดินครอบครัวละ 7 ไร่ 3 งาน มีผู้ถือครองที่ดินจำนวน 260 ราย 337 แปลง คิดเป็นพื้นที่ 1,890 ไร่ และจากการเชิญทูตจาก 10 ประเทศประจำประเทศไทย IUCN ผู้แทนรัฐภาคีสมาชิกในคณะกรรมการมรดกโลก และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ลงพื้นที่ก็ได้เห็นการจัดการของเจ้าหน้าที่ การทำงาน และความเป็นอยู่ของชาวบ้านในพื้นที่ ซึ่งทุกประเทศต่างก็มีความพอใจการทำงานที่ได้ไปพบเห็นมา และชื่นชมในความอุดมสมบูรณ์ทางธรรมชาติของพื้นที่บริเวณอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน

Advertisement

สำหรับประเด็นข้อเรียกร้องของกลุ่มชาติพันธุ์จำนวน 59 คนที่แสดงเจตจำนงที่จะทำไร่หมุนเวียนที่บริเวณบางกลอยบน ทั้งหมด 36 ครัวเรือน ครัวเรือน 15 ไร่ โดยหมุนเวียนเป็นระยะเวลา 10 ปี โดยไม่ซ้ำที่เดิม และสามารถเลือกทำบริเวณใดก็ได้นั้นหมายถึงการสูญเสียพื้นที่จำนวน 5,400 ไร่ แบบไม่สามารถเจาะจงพื้นที่ได้ในบริเวณใจแผ่นดิน พื้นที่ภายในอุทยานแห่งชาติแก่งกระจานก็เป็นข้อเรียกร้องที่ต้องพิจารณา เพื่อสร้างสมดุลระหว่างสิทธิของกลุ่มชาติพันธุ์กับการคุ้มครอง และอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพราะพื้นที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจานเป็นพื้นที่อนุรักษ์ที่มีความอุดมสมบูรณ์ทางธรรมชาติ มีศักยภาพในการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก เป็นพื้นที่ป่าต้นน้ำของแม่น้ำเพชรบุรีและแม่น้ำปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ ที่ได้รับการประกาศให้เป็นมรดกอาเซียนตามปฏิญญาอาเซียนว่าด้วยมรดกโลกด้วย

น.ส.ทิพานันกล่าวว่า ในระหว่างที่ยังอยู่ในขั้นตอนการเจรจาหาข้อสรุป บางพรรคการเมืองไม่ควรใช้เป็นประเด็นทางการเมืองหาประโยชน์ให้พรรคตนเอง ทำนองมือที่ 3 เหมือนหวังดีแต่ประสงค์ร้าย ดังนั้น จึงขอให้หยุดการแทรกแซงโดยมีแต่จะชักใบให้เรือเสีย ซึ่งตนเห็นใจชาวบางกลอย และเชื่อว่าทางกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจะพยายามดำเนินการหาทางออกอย่างสมดุลเพื่อให้คนอยู่ได้และป่าอนุรักษ์ก็อยู่ได้ เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 43 (2) ที่ให้บุคคลและชุมชนมีสิทธิทั้ง “ใช้ประโยชน์” และ “บำรุงรักษา” ทรัพยากรธรรมชาติให้สมดุลและยั่งยืน และกลุ่มชาติพันธุ์ได้ทำหน้าที่ในการร่วมมือและสนับสนุนการอนุรักษ์และคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ทรัพยากรธรรมชาติ ความหลากหลายทางชีวภาพ รวมทั้งมรดกทางวัฒนธรรมตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 50 (8) ด้วย

Advertisement

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image