“โรม” ชี้ต้องลงมติวันนี้ ยันกระบวนการทุกอย่างถูกต้อง ส.ส.ก้าวไกล ชูรูปแกนนำราษฎรที่ถูกขัง ส.ว.ประท้วงวุ่น ระบุเดี๋ยวก็มีเพื่อนตามไปอีกหรอก
ต่อมาเวลา 12.40 น. นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) อภิปรายว่า จากคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ที่ถกเถียงกันมากคือการทำประชามติในครั้งแรกว่าต้องทำกันตอนไหน และรัฐธรรมนูญที่กำลังทำกันอยู่นี้จะเป็นโมฆะหรือไม่ ตนขอเรียนว่า หลังการแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้เสร็จเรายังคงต้องใช้รัฐธรรมนูญปี 60 ต่อไป เพียงแต่เป็นฉบับแก้ไขเพิ่มเติมซึ่งแก้เพียงมาตราเดียว คือแก้ให้มี ส.ส.ร. กว่าจะประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ต้องใช้เวลา ต้องให้ ส.ส.ร.ไปยกร่างฯ ต้องไปทำประชามติ ต้องรอจนกว่าจะมีผลบังคับใช้ ดังนั้น การลงประชามติที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้เราสามารถอนุมานได้ทันทีว่าเป็นการถามประชาชนไปในตัวว่าต้องการให้จัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่ เพียงแต่ให้ประชาชนรู้ว่า หน้าตาของ ส.ส.ร.ที่จะมาร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เป็นอย่างไร ดังนั้น กระบวนการที่เราทำมาทั้งหมดถูกต้อง คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญไม่ได้ล้มล้างกระบวนการใดๆ ที่เราได้จัดทำขึ้นมาเลยแม้แต่น้อย คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ออกมาไม่มีทางที่จะทำให้การแก้รัฐธรรมนูญที่ทำกันมาสิ้นผล แต่กลับปรากฎว่ามีคนกลุ่มหนึ่งบอกว่าสิ่งที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเป็นการล้มล้างสิ่งที่เราทำกันมา ให้เป็นโมฆะ ขอถามว่า ใครกันแน่ที่ไม่ต้องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ใครกันนแน่ที่บิดหลักการ ใครกันแน่ที่ไม่ต้องการให้ประเทศนี้มีทางออก
นายรังสิมันต์กล่าวอีกว่า วันนี้ทุกอนย่างจบแล้ว กำลังจะมีการลงมติ ที่ ส.ว.เสนอให้ร่างฯตกไปแบบนี้ ท่านมีเจตนาอะไรแอบแฝงหรือไม่ วันนี้ประชาชนตั้งความหวัง เขากำลังรอรัฐธรรมนูญที่จะเป็นหนทางที่จะแก้ปัญหาของบ้านเมืองที่แค่ช้า 1 วันก็แย่พอแล้ว ดังนั้น วันนี้อย่าเลื่อน เราลงมติกันวันนี้ให้รู้กันไปเลยว่าใครกันแน่ที่ไม่ต้องการให้รัฐธรรมนูญฉบับนี้ผ่าน และตนขอเรียกร้องให้สมาชิกพรรคการเมืองทุกพรรคที่หาเสียงไว้กับประชาชน ถึงเวลาแล้วที่ท่านต้องเลิกพายเรือให้หัวหน้ารัฐประหารที่ฉีกรัฐธรรมนูญ ทำลายรัฐธรรมนูญ แล้วมายืนเคียงข้างประชาชนว่าจะมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ทั้งนี้ ตนอยู่ในสถานการณ์บ้านเมืองที่แปลกประหลาด เรามีรัฐสภาที่ไม่รู้ว่าหน้าที่ของตัวเองคืออะไร จนต้องไปถามศาลรัฐธรรมนูญว่าถ้าจะแก้รัฐธรรมนูญเราต้องทำอย่างไร เรามี ส.ว.ที่ออกมาอ้างว่าอำนาจสถาปนาเป็นของประชาชนแต่ตอนที่โหวตเลือกนายกฯท่านโหวตเลือกหัวหน้าคณะรัฐประหาร ผู้ที่ฉีกรัฐธรรมนูญเป็นนายกฯ ท่านไม่ละอายต่อบาป ส่องกระจกท่านไม่รู้สึกละอายใจบ้างหรือ
“ตนอยู่ใน กมธ.แก้ไขรัฐธรรมนูญ เรามาถึงตรงนี้ด้วยความยากลำบาก หลายเรื่องประชาชนไม่ได้ วันนี้เรากำลังจะล้มทั้งหมด นอกจากนี้ เรามีองค์กรตุลาการที่วันนี้ขาดความเชื่อมั่นจากประชาชน พิจารณาขังผู้เห็นต่างทางการเมืองถึง 11 คน ที่มีบทบาทเรียกร้อง รณรงค์เรื่องรัฐธรรมนูญเช่นเดียวกัน ไม่นับว่าเมื่อวันที่ 16 มีนาคม คนกลุ่มนี้ถูกข่มขู่ คุกคาม จะมีการไปตรวจโควิดในยามวิกาล ตนไม่รู้ว่านี่เป็นมาตรฐานของเรือนจำหรือไม่” นายรังสิมันต์กล่าว
ทั้งนี้ ระหว่างการอภิปราย นายรังสิมันต์ พร้อมด้วย ส.ส.พรรค ก.ก.ได้โชว์ภาพของบรรดาแกนนำคณะราษฎรที่ถูกคุมขัง เช่น ทนายอานนท์ เพนกวิน รุ้ง-ปนัสยา ครูใหญ่-อรรถพล หมอลำแบงค์ สมยศ พร้อมใส่ #FREE (ตามด้วยชื่อแกนนำที่ถูกคุมขัง) ทำให้ส.ว. และส.ส.ฟากรัฐบาลลุกขึ้นประท้วงจำนวนมากเรื่องการชูป้ายภาพว่าไม่สามารถทำได้
โดยนายกิตติศักดิ์ รัตนวราหะ ส.ว. ประท้วงว่า ถ้ายังอภิปรายใส่ร้ายกันอยู่อย่างนี้ตนจะลุกประท้วงตลอด เพราะผู้อภิปรายแสนรู้ทุกเรื่อง แต่ไม่รู้เรื่องของตัวเองเลย โดยเฉพาะเรื่องที่ศาลรัฐธรรมนูญให้ไปถามประชาชนก่อน ทำไมผู้อภิปรายแสนรู้ถึงไม่รู้ตรงนี้ และการมาชูรูปแบบนี้เกี่ยวอะไรกับปล่อยเพื่อนกูหรือ เดี๋ยวก็มีเพื่อนตามไปอีกหรอก
ขณะที่นายพรเพชรได้เตือนสมาชิกรัฐสภาว่า อย่าอภิปรายเสียดสีกัน ทำให้นายรังสิมันต์เสนอให้โหวตวาระ 3 ตามระเบียบวาระเดิม
จากนั้นนายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวว่า กรณีที่นายรังสิมันต์ มีการพาดพิงถึงการเสนอญัตติส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความว่าเป็นการยื้อเวลานั้นขอยืนยันว่าไม่ใช่การยื้อเวลาแต่เป็นการหาทางออกให้กับรัฐสภาเพื่อเป็นบรรทัดฐานต่อไปว่าเราจะมอบอำนาจให้ ส.ส.ร.เพื่อยกร่างรัฐธรรมนูญได้หรือไม่ ตนไม่อยากให้ประชาชนเห็นว่ารัฐสภาเป็นเครื่องมือของฝ่ายใดและไม่อยากให้เห็นว่า รัฐสภาไม่รับผิดชอบหรือยื้อเวลา จึงขอยืนยันว่าการดำเนินการดังกล่าวเป็นการหาทางออกให้กับทางรัฐสภา
